วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2024
หน้าแรกHighlightผ่าแนวคิดเชิงจินตยุทธ์'ทรัมป์' แผนก่อรัฐประหาร-ป่วนมะกัน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผ่าแนวคิดเชิงจินตยุทธ์’ทรัมป์’ แผนก่อรัฐประหาร-ป่วนมะกัน

“เอฟบีไอ” ออกโรงเตือนคนมะกัน จะมีป่วนในดีซีและเมืองหลวงของทั้ง 50 รัฐ จาก “กองเชียร์ทรัมป์” ในวันที่ 20 ม.ค.ที่ “โจ ไบเดน” จะเข้ารับพิธีสาบานตนเป็น “ปธน.คนใหม่” ด้าน “เสธ.นิด” อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ เปิดแนวคิดเชิงจินตยุทธ์ แผนก่อรัฐประหารของ “ทรัมป์” จะเป็นอย่างไร

เมื่อวันที่ 12 ม.ค.64 นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หัวหน้ากองบรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์นิวทีวี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า FBI เตือนมีป่วนอีกรอบในวอชิงตันดีซี และเมืองหลวงของทั้ง 50 รัฐ ทั่วประเทศจากกองเชียร์ของทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค. ที่โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐคนใหม่จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งปธน.

ข้อความที่สื่อสารกันออนไลน์ โดยเฉพาะในเพจของกลุ่มขวาจัดใช้ข้อความปลุกระดมยั่วยุ ให้เตรียมพร้อมป่วนใช้ความรุนแรงอีกรอบ เพื่อขัดขวางการส่งมอบหน้าที่ ที่กองเชียร์ทรัมป์ยังมโนเชื่อว่ามีการทุจริตในการเลือกตั้งจากบัตรเลือกตั้งผีหลายล้านใบ ในรัฐสวิงสเตท อย่าง Pensylvania-Wisconsin-Michagan-Georgia ส่งผลให้ทรัมป์พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่มาของถ้อยคำ “STOP THE STEAL” ยุติการทุจริตโกงการเลือกตั้ง ที่ตะโกนกันในช่วงชุมนุมประท้วง

ฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมจนท.ทหารไว้ 15,000 นาย สำรองอีก 10,000 นาย รับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดความรุนแรงขึ้นอีกรอบในพิธีสาบานตนที่เมืองหลวงวอชิงตันดีซี ที่ทรัมป์ ประกาศก่อนหน้านี้จะไม่เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว

คาดในวันพุธนี้ ญัตติถอดถอนปธน.สหรัฐ เสนอโดยประธานสภาผู้แทนราษฎร Nancy Pelosi จะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง Democrat ครองเสียงข้างมาก ก่อนถูกส่งต่อไปวุฒิสภา ที่ Republican มีเสียงข้างมาก และต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ 66 เสียงจากสว.ทั้งหมด 100 คนเพื่อให้มีผลในการถอดถอนจากตำแหน่งปธน.โอกาสถอดถอนทรัมป์จากตำแหน่งจากเสียงสนับสนุนในวุฒิสภาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

ด้าน พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี หรือ “เสธ.นิด” อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ และอดีตนักบินประจำกองกำลังสหประชาชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Vachara Riddhagni ระบุว่า “การก่อรัฐประหารในสหรัฐฯ นั้นกระทำได้ยากมากๆ เพราะประเทศสหรัฐอเมริกาใหญ่มากและแบ่งการบริหารในแต่มลรัฐซึ่งมีกฎหมายของตัวเองและมีทรัพยการพอประมาณ สามารถทำธุรกิจได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งแต่ละมลรัฐมี “กองกำลังพิทักษ์มลรัฐฯ ทั้งกำลังทางบกและอากาศ” ซึ่งอยู่ในอำนาจสั่งการของผู้ว่าการรัฐในการปกป้องมลรัฐและรัฐธรรมนูญ

การก่อการรัฐประหารตามแบบฉบับทั่วๆ นั้นทำได้ยากหรือไม่ได้เลยเพราะว่า ผู้ว่าการรัฐหรือวุฒิสมาชิก ส.ส.ของแต่ละรัฐที่ไม่เห็นด้วยกับ “การก่อการรัฐประหาร” สามารถรวมตัวกันต่อต้านอันนำสู่ “สงครามกลางเมือง”

การรัฐประหารที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ นั้น คือ การสังหารประธานาธิบดี เพราะเมื่อรองประธานาธิบดีรับตำแหน่งแทน “ก็อาจจะเปลี่ยนนโยบายที่ประธานาธิบดีเดิมวางรากไว้” เช่นเมื่อเกิดแผนร้ายสมรู้ร่วมคิด “สังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้” สำเร็จแล้ว (โดยกลุ่ม Deep State) ประธานาธิบดีจอห์นสัน เปลี่ยนแปลงนโยบายเดิมเกือบทั้งหมดจนเกิดขัดแย้งกับ โรเบิร์ด เคนเนดี้ น้องชายประธานาธิบดี จอห์น เคนเนดี้ อย่างรุนแรง

ส่วน แนวคิดเชิงจินตยุทธ์ “การก่อรัฐประหารของประธานาธิบดีทรัมป์” คือ การทำให้ “การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สุจริต มีการโกงการนับคะแนนและมีการแทรกแซงจากต่างประเทศ” และต้องทำให้ “ว่าที่ โจ ไบเดน” ไม่สามารถสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งได้

การใช้ “กลุ่มขวาจัดและกลุ่มนิยมทรัมป์” บุกยึดรัฐสภาและสามารถกดดันรองประธานาธิบดีให้ยกเลิกหรือเลื่อนการลงมติรับรองชัยชนะของ “โจ ไบเดน” หรือ “จับส.ว.,ส.ส.เป็นตัวประกัน” ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถประกาศกฎอัยการศึก

ดังนั้นในขณะที่ “ประธานาธิบดีทรัมป์” ยังคงมีอำนาจบริหารอยู่ในมือและยังมีคนที่จงรักภักดีในกลุ่มนักการเมืองขวาจัดริพับริกันอยู่จำนวนหนึ่ง เขาสามารถแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีตามกฎอัยการศึกที่กฎหมายให้อำนาจไว้ มีทหารขวาจัดและมี “กลุ่มหัวรุนแรงขวาจัดที่มีความสามารถทางทหาร” ประธานาธิบดีสามารถประกาศกฎอัยการศึกเพราะ “มีการจลาจล” และด้วยอำนาจบริหารสามารถย้าย “ผอ.CIA, FBI, NSA แล้วแต่งตั้งคนของตัวเขาเองและ Home Security และจัดการนับคะแนนใหม่หรือจัดการเลือกตั้งใหม่ในรัฐที่คะแนน Electoral Vote มากๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย

นี่คือ แผนการรัฐประหารของประธานาธิบดีทรัมป์และในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขาสามารถแต่งตั้ง “นายทหารที่นิยมเขา” เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยใช้กำลังรบและคอมพิวเตอร์”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img