วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2024
หน้าแรกNEWSสธ.เรียกคืนหนังสือด่วนคุมกัญชา ย้ำปรับปรุงประกาศสธ.ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สธ.เรียกคืนหนังสือด่วนคุมกัญชา ย้ำปรับปรุงประกาศสธ.ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

สธ.ร้อนถกแถลงด่วนเรียกคืนหนังสือ ยันไม่จับกุม 4 กรณี ระบุ ตร. ทำได้ เมื่อถูกเจ้าพนักงานร้องขอ แม้เจอพันลำข้างถนน ก่อนล้อมคอก แก้ประกาศ คุมช่อดอกกัญชา กำหนดปริมาณครอบครองในครัวเรือน

เมื่อวันที่ 27  ก.ค. 65  นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้เรียกประชุมด่วนที่มีนพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดสธ. และนพ.ยงยศธรรมวุฒิ  อธิบดีกรมการแพทย์แพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกเข้าร่วมประชุมด้วย  หลังจากนั้นนพ.ณรงค์ และนพ.ยงยศ ได้ร่วมกันแถลงข่าวโดยมีทีมงานของนายอนุทิน ร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า หนังสือที่ส่งถึงผบ.ตร. เพราะต้องการควบคุม คุ้มครองผู้ที่อายุไม่ถึง 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร จากการตรวจสอบหนังสือดังกล่าว และปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีข้อสรุป ข้อสั่งการให้อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย มีการทบทวนในรายละเอียด ประเด็นที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอต่อไป ทั้งนี้ได้นำหนังสือฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณา และทบทวนให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด

ด้าน นพ.ยงยศ กล่าวว่า เนื่องจากเรามีอนุกรรมการด้านกฎหมาย ของพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญา 2542 ซึ่งมีการหารือกันว่าเพื่อความสมบูรณ์ของการประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรคุ้มครอง อาจจะต้องมีการปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติม ให้ชัดเจนใน 4 เรื่อง 1. ประชาชนส่วนใหญ่ ที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางดูแลสุขภาพต้องไม่ได้รับผลกระทบ

 2. ประชาชนที่ดำเนินการก่อนจะมีประกาศฉบับนี้ถือว่าไม่มีความผิด เนื่องจากสมุนไพรกัญชาได้มีการปลดล็อคเป็นระยะ และมีความชัดเจน โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางการแพทย์ 3. ความชัดเจนในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องไปดำเนินการร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องมีความชัดเจน และไม่มีความผิด และ 4. กัญชายังเป็นพืชที่มีความสำคัญ ในการสร้างเศรษฐกิจ การสร้างคุณค่าทางการแพทย์ การเปิดโอกาสให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม หรือถูกด้อยค่าจากการกระทำของคนบางคน

“ในส่วนนี้ อนุฯ กฎหมาย จึงเห็นเบื้องต้นว่าน่าจะต้องปรับปรุงประกาศสธ.เกี่ยวกับสมุนไพรควบคุมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ประเด็นหลักๆ คือ จะมีการประกาศให้ช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ตรงนี้ประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากราก ต้น กิ่ง ใบ โดยเฉพาะร้านอาหาร หรือผู้ประกอบการที่ใช้กัญชาที่ไม่ใช่ช่อดอก ในปัจจุบันสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งเรามีมติร่วมกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา รวมถึงกำหนดปริมาณที่เหมาะสมในครัวเรือน การมีใช่ส่วนข้อกังวลเรื่องการจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอยืนยันว่าน่าจะยังไม่เกิดขึ้น ยกเว้น คนที่วางขายพันลำข้างถนน ผลิตเพื่อเสพโดยการสูบ มีความชัดเจนที่จะควบคุม และขีดวงไม่ให้ใช้ทางนันทนาการมากที่สุดเมื่อจัดทำประกาศเสร็จก็จะส่งให้คณะกรรมการคุ้มครองฯ ที่มีปลัดสธ.เป็นประธาน พิจารณาก่อนส่งให้รมว.สธ. ลงนามออกประกาศต่อไป ” นพ.ยงยศ กล่าว ยืนยันว่ากัญชาทางการแพทย์ต้องเดินหน้า เศรษฐกิจชุมชนต้องเดินหน้า

เมื่อถามว่าระหว่างที่ประกาศยังไม่ออก ยังใช้ประกาศเดิมหรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า เราจะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้การดำเนินการของประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด สิ่งที่เรามุ่งเน้นคือควบคุมกระบวนการสูบ การเสพ เมื่อถามย้ำว่า ระหว่างที่ประกาศยังไม่ออก คนที่ทำตาม 4 ข้อในหนังสือส่งถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีความผิดหรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า ไม่มีเวลาไปจับกุม  เพราะเราจะกวดขันในการใช้ช่อดอกมาแปรรูปและเสพ จะเฝ้าระวังและตักเตือน ซึ่งขณะนี้ในหลายจังหวัด ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้ไปตักเตือน พูดคุยกับคนขายข้างถนน ทั้งที่เชียงใหม่ กรุงเทพ หลายจุด เราจะใช้การป้องปรามเป็นหลัก ว่าการทำเช่นนี้จะเกิดผลเสียต่อกัญชาในภาพรวมในอนาคต

เมื่อถามย้ำว่าเป็นการควบคุมการใช้ช่อดอกเฉพาะ 4 กรณีหรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า สุดท้ายอนุกรรมการมีความเห็นว่า กรณีช่อดอกที่มีปริมาณมาก และมีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายต้องมีการขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อถามถึงปริมาณการครอบครองในครัวเรือน นพ.ยงยศ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังต้องมีการรับฟังความเห็น เพื่อให้ได้ข้อสรุป คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีข้อสรุป 

เมื่อถามว่ากรณีส่งหนังสือถึงตำรวจ ยังต้องความร่วมมือในการมาตรวจสอบจับกุมหรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า หนังสือดังกล่าวชัดเจนว่าทางตำรวจต้องไปเมื่อได้รับการร้องขอจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็คือ นพ.สสจ. ส่วนพื้นที่กทม. ก็ต้องเป็นตน หรือเจ้าหน้ากรมการแพทย์แผนไทยระดับ 8-9 ซึ่งเรื่องนี้ได้สื่อสาร เมื่อถามว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอเหตุวางขายกัญชา ตำรวจสามรรถจับกุมได้หรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า ด้วยเจตจำนงค์ ตัวสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เป็นสิ่งของเฉพาะที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ กฎหมายจึงออกแบบให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ ที่รู้ว่านี่คือสิ่งของต้องห้าม ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะใช้ดุลพินิจตอนนั้นไม่ครบถ้วน ดังนั้นจึงต้องได้รับการร้องขอจากเจ้าพนักงานตามพ.ร.บ.

เมื่อถามต่อว่ากรณีมีการแปรรูปเพื่อการสูบ เช่น พันลำ ซึ่งชัดเจนว่าไม่ได้ใช้เพื่อการแพทย์ หรือสุขภาพ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น สามรถจับกุมได้หรือไม่ แล้วจะใช้กฎหมายข้อใด เนื่องจากกัญชาถูกปลดจากยาเสพติดแล้ว นพ.ยงยศ กล่าวว่า เข้าใจว่าจะต้องไปใช้ประกาศของกรมอนามัย เรื่องกลิ่นและควันกัญชาเป็นเหตุรำคาญ.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img