วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2024
หน้าแรกNEWS“เด็กภท.”ตอก“จุรินทร์”อย่าดีแต่พูด ช่วยกันผลักดัน ไม่ใช่มาขวาง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เด็กภท.”ตอก“จุรินทร์”อย่าดีแต่พูด ช่วยกันผลักดัน ไม่ใช่มาขวาง

“เด็กภท.” สอน “จุรินทร์” เป็นพรรคร่วมด้วยกันต้องช่วยกันผลักดัน ไม่ใช่มาขวาง ปชช.จะด่าว่าดีแต่พูด ซัดอย่าเล่นนอกเกม ย้ำกมธ.มาจากทุกพรรคอย่าดูถูกกัน

วันที่ 4 พ.ย. 65 นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวตอบโต้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปมความขัดแย้งเรื่องร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ว่า ขอย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยสื่อสารมาทั้งหมดนั้น เราไม่เคยต้องการจะระรานใคร แบบที่ท่านกล่าวหา แต่เราสงสัยในพฤติกรรมของท่านว่าท่านกำลังเล่นนอกเกมโดยมีเจตนาอื่นแอบแฝงและเรากำลังพยายามดึงท่านกลับเข้ามาอยู่ในระบบที่ถูกต้อง ส่วนการที่ท่านไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.กัญชา มันเป็นสิทธิ์ที่ท่านทำได้ แต่การที่ท่านบอกว่า ไม่เอา เลย เพราะกลัวกัญชาเสรีเกินไป ตรงนี้ มันย้อนแย้ง เนื่องจาก ร่างพ.ร.บ.ที่ท่านปฏิเสธเสียงแข็งตรงนี้คือตัวที่จะเข้ามาคุมอย่างครบวงจร

นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อว่า ท่านเล่นนอกเกมตรงไหน คำตอบคือที่ผ่านมา เมื่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณากฎหมายเสร็จ สภาผู้แทนราษฎรก็ต้องพิจารณาไปตามข้อบังคับคือพิจารณารายมาตราไป ไม่เห็นด้วยกับมาตราไหนก็อภิปราย ไม่เห็นด้วยก็ลงมติไม่เห็นชอบ ตามเอกสิทธิ์ของส.ส.แบบนี้ จะทำให้การทำงานไปได้ และเป็นเรื่องที่ทำกันมาตลอด แต่การที่ท่านลุกขึ้นมาอภิปรายว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีความบกพร่อง ไม่ครอบคลุม ไม่ยอมปล่อยให้มีการพิจารณาเป็นรายมาตรา เพื่อหาจุดบกพร่อง แล้วมาใช้กระบวนการในสภาแก้ไข เป็นวิธีทำงานการเมืองแบบกำปั้นทุบดิน ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เคารพสภา เป็นการดำเนินการที่ผิดวิธีการทางนิติวิธี นิติบัญญัติ

รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กฎหมายนี้เป็นกฎหมายของรัฐบาล สมาชิกพรรคร่วมกลับมาทำเช่นนี้จึงเป็นการไม่มีมารยาท และถือเป็นการดูถูก กมธ.ที่มาจากทุกพรรคการเมือง ซึ่งรวมถึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ข้อสำคัญข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอมาให้ทบทวนนั้นก็เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วในร่างกฎหมาย ดังนั้นจะทำอะไร ก็ช่วยเคารพตัวเองบ้าง เพราะอย่าลืมว่าคนร่างก็มีคนของพรรคท่านอยู่ด้วยร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นร่างพ.ร.บ.ของคณะกรรมาธิการที่สภาแต่งตั้ง ไม่ใช่ร่างพ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองระหว่างพรรค การเสนอให้กลับไปทบทวนไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของรัฐสภาไทย พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอ้างประชาชนอ้างว่าเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบบรัฐสภาต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเจตนาแท้จริงที่ทำเช่นนี้เพื่ออะไร ตรงนี้คือสิ่งที่เราสงสัย แล้วหากท่านไม่พอใจกฎหมาย มีข้อสงสัยตอนพิจารณารายมาตรา ท่านแก้ไขได้เลยใช้กระบวนการสภา ช่วยกันคิด ช่วยกันพิจารณา ปรากฏว่าท่านไม่ยอมให้ไปถึงขั้นตอนนั้น เพราะอะไรเราไม่เข้าใจการทำงานของพวกท่าน

“เรื่องนี้ มันทำถูกต้องมาตั้งแต่ต้น และไม่ควรต้องมามีปัญหาโดยเฉพาะกับพรรคร่วมด้วยกัน ซึ่งควรจะช่วยผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ใช่มาขวาง ที่สำคัญ นี่คือนโยบายของรัฐบาล ต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ ไม่งั้นเขาจะด่าได้ว่ารัฐบาลดีแต่พูด สักแต่พูด ไม่เคารพประชาชน ซึ่งที่ท่านทำอยู่ คนเขามองกันว่า ท่านแค่เตะตัดขาพรรคภูมิใจไทย แต่ปากท่าน อ้างประชาชน และร่างพ.ร.บ. กัญชา มีทุกฝ่ายเข้าร่วม มีภาคประชาชนด้วย อันที่จริงการทำเรื่องกัญชา มันก็มาจากแรงหนุนของประชาชนนั่นเอง ให้ไปดูยอดลงทะเบียนปลูกที่แอปพลเคชั่น ปลูกกัญ เขาขอกันเป็นล้านๆ คน มีคนเข้าแอปฯ 50-60 ล้านครั้ง กัญชาคือความหวังของประชาชน แล้ววันนี้ ท่านมาล้ม ร่างพ.ร.บ. ท่านมาเรียกร้องให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แบบนี้ ผมเรียกว่าการระรานประชาชน มันถูกต้องหรือไม่” รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

//?//
ต่อข่าวเด็กถูกทำร้ายร่างกาย
‘ครูธัญ’ จี้ ‘พม.’ ควรลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณีมูลนิธิคุ้มครองเด็กชื่อดังใน อ.อัมพวา เผย กมธ.กิจการเด็ก จะนำเข้าสู่การพิจารณา

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่รัฐสภา นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีมูลนิธิคุ้มครองเด็กชื่อดังใน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ถูกร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมทำร้ายร่างกายและใช้แรงงาน ว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ให้สัมภาษณ์ว่ามูลนิธิแห่งนี้มีประวัติที่ดีมาโดยตลอด ไม่มีเรื่องด่างพร้อย มีการเข้าไปพูดคุยกับเด็กและติดตามการทำงานตลอดเวลา พมจ.นั้นมีการตรวจสอบอย่างไร ซึ่งอันที่จริงสื่อที่ออกมาในโซเชียลมีเดียรวมถึงคำบอกเล่าของเด็กที่ออกมาเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องให้น้ำหนักและจะต้องตรวจสอบ ส่วนการที่อ้างว่าการลงโทษเด็กเป็นเพราะติดสารเสพติดนั้น เราก็ต้องไปดูที่ต้นตอว่ายาเสพติดมาจากไหน เราควรปฏิบัติอย่างไรกับผู้เสพ ตนมองว่าควรมองผู้ที่ติดสารเสพติดเป็นผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือมากกว่าเป็นคนที่ต้องได้รับการลงโทษ เพราะนั้นจะกลายเป็นการส่งต่อความรุนแรงต่อไปในสังคมอย่างที่เป็นอยู่

นายธัญวัจน์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ควรจะส่งลงไปตรวจสอบเนื่องจากพมจ. กล่าวว่ามูลนิธิแห่งนี้ไม่มีเรื่องด่างพร้อย เราก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาตรวจสอบอย่างไร โดยในส่วนของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ก็จะหารือกันในเรื่องนี้ ซึ่งคิดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณา

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img