”สุภรณ์ อัตถาวงศ์”ตั้งวอร์รูมมอนิเตอร์อภิปรายไม่ไว้ใจใกล้ชิด เตรียมฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการแจ้งความเอาผิดตามมาตรา 112 พร้อมตอบโต้ทันทีหากมีบิดเบือนข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ภายหลังการประชุมคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ) เปิดเผยว่า จากการที่ ส.ส.ฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รมต.พวกเราในฐานะคณะผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ต้องทำหน้าที่ในมิติด้านการเมือง ก็มีความเห็นร่วมกันว่าควรจะจัดตั้งคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมา เพื่ออย่างน้อยที่สุดจะได้เห็นว่าผู้ช่วยรัฐมนตรีนั้นมาจากทุกพรรคแล้วเราก็จะดูแลรับผิดชอบรัฐมนตรีทุกท่าน ตามที่มีชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในการประชุมกันครั้งนี้
เราจะทำหน้าที่ นอกจากจะดูแลสนับสนุนข้อมูลให้กับท่านนายกรัฐมนตรีแล้วก็ยังจะดูแลข้อมูลสนับสนุนให้กับรัฐมนตรีทุกท่านที่ถูกอภิปราย อภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งรวมท่านนายกแล้วก็ 10 ท่าน ยังไงก็แล้วแต่เราเรียนว่าสิ่งที่พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในหลายประเด็น
พวกเรามีความเห็นร่วมกันว่าควรจะจัดตั้งคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมา ในฐานะทีมวอร์รูมนอกสภา พวกเราไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่พวกเราก็มีความวิตกกังวล ว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติในประเด็นเกี่ยวข้องกับสถาบัน และการกล่าวหาท่านนายก ว่าไม่ยึดมั่นศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชนแอบอ้างสถาบัน เป็นเกาะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการ ส่วนนี้นั้นเป็นการกล่าวหาที่เป็นเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิงและโดยไม่ฟังเสียงพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ฝากมา ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ฝ่ายค้านพรรคร่วมฝ่ายค้านเอาเรื่องของสถาบันมายื่นญัตติในครั้งนี้
หลายครั้งที่เราพยายามเรียกร้องให้ฝ่ายค้านได้ถอนญัตติหรือแก้ไขเรื่องสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรียกร้องถึงนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าให้ถอนออกไปเสียแล้วก็แก้ไขญัตติเสีย อย่าเปิดช่องโอกาสอย่าตกหลุมพราง อย่าเป็นเครื่องมือให้กับพรรคการเมืองบางพรรคที่พยายามจะอภิปรายในสภา เพื่ออาศัยเอกสิทธิ์ จาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน ใช้ความเป็นตำแหน่ง ส.ส. อภิปรายกล่าวร้าย บิดเบือนข้อเท็จจริงที่จะให้ร้ายต่อสถาบันนั้น
พวกเราไม่เห็นด้วยดังนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้ เราก็มีการตั้งทีมกฎหมายขึ้นมา ซึ่งเราได้มอบให้ท่านผู้ช่วยทศพล เพ็งส้ม และคณะทำงานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายอีกหลายท่าน ได้ช่วยกันในการเตรียมเป็นข้อมูลฝ่ายกฎหมาย ประเด็นก็คือว่าถ้ามีการอภิปรายพาดพิงสถาบันในทางเสียหายบิดเบือนข้อเท็จจริงใส่ร้ายป้ายสี ก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบัน
เราจะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการแจ้งความเอาผิดตามมาตรา 112 ทันที เหตุผลคือถ้าไม่เบรคไว้ ถ้าไม่ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที คนต่อมาก็จะอภิปรายพาดพิงอีก อย่างไม่หยุดยั้งตลอดระยะเวลาอภิปราย ดังนั้นแล้วทางฝ่ายกฎหมายจะดูวิเคราะห์ข้อมูล และดำเนินการทันที
ข้อที่ 2 ถ้ากรณีมีการพาดพิงถึงนายกหรือคณะรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นฝ่ายกฎหมายก็จะดูเหมือนกันว่า ข้อมูลใดคือหลักฐานใดการพาดพิงใช้หลักฐานอันเป็นเท็จใส่ร้ายป้ายสีบิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาให้เกิดความเสียหายต่อท่านรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่งหรือท่านนายก ก็จะต้อง มอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายไปดำเนินคดีแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเช่นเดียวกัน
วันนี้เราไม่ได้ข่มขู่หรือไม่ได้มีไว้เพื่อที่จะไปหาเรื่องฝ่ายค้าน แต่ไม่ต้องการให้ประชาชนเบื่อหน่ายกับการอภิปรายซ้ำซากวนเวียนกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีเป็นลักษณะสไตล์เดิมของนักการเมืองน้ำเน่า ในอดีตที่ไม่มีการปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้พึงพอใจต่อภาพพจน์ของนักการเมือง
ทั้งนี้จะมีอีกประเด็น ก็คือการเตรียมข้อมูล ข้อเท็จจริงให้กับรัฐมนตรีให้กับนายกรัฐมนตรี ที่จะอธิบายพร้อมกับ อาจจะมีเวทีการแถลงข่าวตอบโต้เป็นบางเรื่องที่บิดเบือนข้อเท็จจริง เราจะตั้งคณะกรรมการทำงานขึ้นมา เพื่อแถลงตอบโต้ในประเด็นบางสิ่งบางอย่างที่กล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีรัฐมนตรีและบิดเบือนข้อเท็จจริงไม่มีหลักฐานอันแท้จริง แล้วก็มากล่าวร้ายอย่างนี้เราก็ต้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนให้ทราบนอกสภานี่คือการทำงานของ คณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของพวกเราในนามของคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีท่านใดจะมีข้อมูลต่อสื่อมวลชนเพิ่มเติม
