วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2024
หน้าแรกHighlight‘ชวน’ดึงสติ‘ก.ก.-พท.’ปมชิง‘ปธ.สภาฯ’ ตอกย้ำ‘อยากได้ทุกอย่างปัญหาไม่จบ’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ชวน’ดึงสติ‘ก.ก.-พท.’ปมชิง‘ปธ.สภาฯ’ ตอกย้ำ‘อยากได้ทุกอย่างปัญหาไม่จบ’

ชวน” ดึงสติปมชิง “ปธ.สภาฯ” อยากได้ทุกอย่างปัญหาไม่จบ แนะให้ 2 พรรคหารือกันใกล้ชิด ชี้พลาดตำแหน่ง ปธ.สภาฯ ไม่ใช่ปมพลาดตำแหน่ง “นายกฯ” ไม่เกี่ยวข้องกัน

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตประธานรัฐสภาและอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีรัฐสภา ในรายการ 91 ปี ก้าวแห่งความมั่นคงรัฐสภาไทย เนื่องในวันสถาปนารัฐสภา วันที่ 28 มิ.ย.ว่า ตำแหน่งประมุขของสภานิติบัญญัติมีความสำคัญ เพราะเป็น 1 ใน 3 ของอำนาจอธิปไตย ซึ่งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น สภาฯจะเป็นผู้เลือกโดยยึดดุลยพินิจของส.ส. ทั้งนี้ที่ผ่านมา เคยมีกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้มาจากพรรคอันดับหนึ่ง เพราะเป็นข้อตกลงของพรรคร่วม บางครั้งที่ผลเลือกตั้งออกมา พบว่าพรรคการเมืองมีคะแนนเสียงใกล้เคียงกัน สามารถตกลงกันได้ ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ที่ผ่านมาพบว่า พรรคการเมืองที่ได้เสียงใกล้เคียงกัน จะไม่ร่วมเป็นรัฐบาล เพราะจะทะเลาะกันเหมือนปัจจุบัน ทั้งนี้ใครที่ได้เสียงข้างมากชัดเจน สามารถตกลงได้ว่าได้เป็นนายกรัฐมนตรีและประธานสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่า ขณะนี้เสียงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่ใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดความไม่ชัดเจน นายชวน กล่าวว่า ถือเป็นประสบการณ์ตั้งรัฐบาล ในฐานะที่ตนเคยเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมาหลายสมัย ปกติการตกลงร่วมกันจะใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสำคัญ เพราะจะง่ายต่อการแบ่งปันตำแหน่ง ทั้งนี้การตั้งรัฐบาลในปัจจุบัน ตนมองว่าง่ายกว่าในอดีต เพราะมีเพียง 8 พรรคการเมือง ขณะเดียวกันมีเพียง 2 พรรคเท่านั้น ที่รวมเสียงได้เกินครึ่ง

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลกังวลว่า หากไม่ได้ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะผลักดันกฎหมายของตนเองไม่ได้ นายชวน กล่าวว่า ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถทำตามอำเภอใจ หรือทำสิ่งที่ขัดกับข้อบังคับการประชุมได้ ส่วนที่ระบุว่าหากไม่ได้ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนมองว่าไม่จริง เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องลงมติจากสมาชิก ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องดำเนินการตามมติของสภาฯ ไม่สามารถเปลี่ยนคนได้ หรือประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเกี่ยง ถ่วง หรือเสนอชื่อคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นหากไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมีปัญหานั้น ไม่เกี่ยวกัน อีกทั้งการผลักดันกฎหมาย ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถทำตามอำเภอใจ ว่าจะเอากฎหมายของใครขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ ต้องเป็นไปตามลำดับการเสนอจากสมาชิก หากจะเปลี่ยนวาระต้องขอมติจากที่ประชุม ไม่ใช่อำนาจของประธานสภาฯ

“แต่เที่ยวนี้ดูแล้วมีปัญหา เพราะมีประเด็นความต้องการประธานสภาผู้แทนราษฎรและตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเขามีเหตุผลและเป็นปกติที่เป็นไปได้ แต่หากเอาทุกอย่างปัญหาไม่จบ ฝ่ายที่ตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เอาทุกอย่างเป็นของตนเอง ต้องต่อรอง เพราะนอกจากเรื่องนี้ยังมีการต่อรองอื่นๆ เช่นกระทรวง ผมมองว่าหากเขาสามารถพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และเข้าใจภารกิจบทบาทหน้าที่ การแบ่งอำนาจ จะทำให้เกิดความขัดแย้งน้อยลง แต่ที่มีความขัดแย้งมาก เพราะไม่เข้าใจหลายเรื่อง” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวย้ำด้วยว่า พรรคที่ต้องการเสนอร่างกฎหมาย 100 ฉบับ เขาสามารถผลักดันได้ โดยใช้ช่องเป็นกฎหมายของรัฐบาล เพราะตามข้อบังคับกฎหมายของรัฐบาลจะบรรจุเป็นเรื่องด่วน โดยสมัยสภาฯที่ผ่านมา พบว่าร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ ไม่มีค้าง แต่กฎหมายของฝ่ายค้านค้างจำนวนมาก ซึ่งเป็นปกติของการปกครอง หากเสนอร่างกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ และงบประมาณ

“สำหรับปัญหาของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ผมมองว่าหากเข้าใจบทบาทสภาฯ จะทำให้มีข้อยุติง่าย แต่หากไม่เข้าใจและมองว่าประธานสภาฯบันดาลให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ แบบนี้หารือกันยาก หากไม่แน่ใจว่า การตั้งนายกรัฐมนตรีจะผ่านหรือไม่ หากไม่ผ่านเขาไม่ได้ทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานสภาฯ จนกลายเป็นความวิตก ผมมองว่าหาก 2 ฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิด จะทำให้คุยกันได้ง่าย ดังนั้นปัญหาของประธานสภาฯควรยุติด้วยการศึกษา เข้าใจ ในบทบาท อำนาจ หน้าที่ ทุกฝ่ายไม่สามารถเอาอะไรได้ตามอำเภอใจได้ทุกอย่าง ซึ่งผมมองว่าการตั้งประธานสภาฯ ไม่มีปัญหา แต่สมัยนี้มีปัญหา”นายชวน กล่าว

นายชวน ยังกล่าวถึงสเปคบุคคลที่จะเป็นประธานสภาฯว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ต้องเตรียมตัว ศึกษากฎเกณฑ์ ข้อบังคับและระเบียบ คนที่ได้เป็นประธานสภาฯ ต้องลาออกจากตำแหน่งในพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกี่ยวกับพรรคตัวเอง หากพรรคเลือกคนของตัวเองเข้ามา เพื่อให้เลือกปฏิบัติไม่สามารถทำได้

“พรรคที่เลือกตัวแทนเข้ามา ต้องเลือกคนที่เป็นหน้าตาให้พรรค และเลือกคนที่จะมาเป็นหัวหน้าของ 500 คนในสภาฯ ดังนั้นพฤติกรรม นิสัยใจคอ ต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายนิติบัญญัติ พรรคการเมืองต้องเลือกคนที่เข้ามาเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย รวมถึงต้องคำนึงด้วยว่าจะทำให้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นไปในทิศทางบวกหรือลบ”นายชวน กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img