วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2024
หน้าแรกHighlight“ชวน”สอนมวย“ปดิพัทธ์”อย่าทำตัวเด่น ป้อง“บิ๊กป้อม”มาประชุมแต่ถูกสื่อจับผิด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชวน”สอนมวย“ปดิพัทธ์”อย่าทำตัวเด่น ป้อง“บิ๊กป้อม”มาประชุมแต่ถูกสื่อจับผิด

ชวน” ป้อง “บิ๊กป้อม” ถูกโซเชียลฯถล่มนั่งหลับในห้องประชุมสภาฯ เตือนอย่านั่งเป็นเหยื่อให้สื่อจับผิด เหน็บ “ปดิพัทธ์” ทำตัวเด่นเหมือนประธานสภาฯ สอนควรรอ “วันนอร์” มอบหมายก่อน แนะโหวตนายกฯ ไม่ต้องต่อสร้อยห้อยท้าย ประหยัดเวลามาก

วันที่ 6 ก.ค.66 เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภา กล่าวถึงกรณีที่สื่อโซเชียลเผยแพร่ภาพและวิพากษ์วิจารณ์พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีลักษณะนั่งหลับในห้องประชุมสภาวันเลือกประธานสภาฯและรองประธานสภาฯว่า ตนเห็นว่า ไปวิจารณ์ว่าท่านนั่งหลับ บางฝ่ายบอกว่าท่านก้มไม่เงย ตนคิดว่าฝ่ายค้านมีอยู่น้อย ดังนั้นการที่พล.อ.ประวิตร กรุณามาประชุมด้วยตัวเอง ก็ต้องขอบคุณอย่าไปจับผิด ตนคิดว่าทุกคนเมื่อนั่งนานๆ ก็มีสิทธิส.ส.เขาเลยกลัวสื่อว่าจะไปจับผิดพลาด บางคนจึงไม่เข้าห้องประชุมพอกดบัตรเสร็จก็รีบออกนอกห้อง และเขาจะพูดเลยว่า สื่อจะคอยจับเราตอนหลับหรือเปล่า ดังนั้นก็อย่าไปนั่งให้เป็นเหยื่อ จึงคิดว่าสื่ออย่าไปจับเรื่องนี้เอาเรื่องที่เป็นสาระดีกว่า การที่ส.ส.บางคนเผลอหลับตาบ้าง อะไรบ้างและไม่ได้มีผลกระทบอะไรสำคัญคือคนที่มาประชุม

นายชวน กล่าวต่อว่า การประชุมลงมติที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า เราเสียเวลาไปกับการขานคำว่าบัตรดี 500 ครั้ง ซึ่งความจริงไม่ต้องใช้คำว่าบัตรดี ก็สามารถอ่านชื่อได้เลย เช่น “วิทยา, ปดิพัทธ์” ซึ่งการประชุมสภาสมัยที่แล้วเราจะทำอย่างนั้นห้ามใช้สร้อย หรือเอ่ยชื่อตัวเอง ทำให้ประหยัดเวลาไปได้ชั่วโมง ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สมาชิกให้ความร่วมมือและสามารถทำได้ร้อยละ 99 และในสมัยใหม่นี้ก็จะสามารถประหยัดเวลาได้

เมื่อถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีจะใช้เวลาประหยัดแบบนี้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เขาควรทำ เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมาก็เป็นตัวอย่างที่ดีว่าสามารถประหยัดเวลาได้ หากมีสร้อยต่อท้ายครั้ง 2 ครั้งก็ไม่รู้สึก แต่ถ้า 750 ครั้งก็มีปัญหาทั้งนั้น ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีสามารถโหวตได้กี่ครั้งนั้นไม่ได้มีกฎหมายห้าม แต่ขอให้ถามนายวันนอร์ จะดีกว่า

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นอดีตประธานสภาได้คุยกับนายมูหะมัดนอร์ บ้างหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ได้ยินดีกับท่านตั้งแต่วันที่ได้รับเลือกแล้ว ซึ่งขอบอกกับลูกน้องท่านว่า ขอให้ดูแลสุขภาพของท่าน เพราะสำหรับวัยตน หรือวัยท่านวันนอร์ เป็นวัยที่สูงอายุ ถ้าไม่ค่อยแข็งแรงก็จะมีปัญหา เพราะต้องนั่งบนบัลลังก์ 3-4 ชั่วโมง และเวลานั่งก็ไม่ได้นั่งหลับ เหนื่อยที่สุดคือเงยหัว เพราะต้องฟังว่าใครพูดอะไรเกิน อะไรขาด จะให้เขาถอนหรือไม่ถอนคำพูดก็ต้องรู้ เมื่อเสร็จเวรแล้วรองประธานขึ้นมาแทน ประธานก็ต้องตามต่อ เพราะจะได้รู้ว่าเวรต่อไปใครพูดอะไรไว้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานหนัก จึงต้องให้กำลังใจท่าน และขอให้ท่านดูแลสุขภาพก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า เชื่อว่า นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถทำงานได้กับรองประธานทั้ง 2 คน ที่มาจากพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยได้ดีหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 บอกว่า จะทำตามพระบรมราโชวาท และตามที่ประธานมอบหมาย แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานคนที่ 1 แถลงเหมือนเป็นประธานเอง เพราะที่จริงแล้ว รองประธานมีหน้าที่คือรับมอบหมายจากประธานสภาฯ ว่าให้ทำอะไร และถ้าจะทำอะไรใหม่พิเศษออกมา ก็ต้องขออนุมัติจากประธาน ซึ่งถือประธานจะเป็นหลัก ส่วนรองประธานจะปฏิบัติภารกิจตามที่ประธานมอบหมาย ซึ่งงานสภาถือว่าหนักมาก เพราะนอกจากงานภายในการประชุมแล้ว ยังมีงานปีกย่อยอีก แต่ขณะนี้เรามีประธานมุสลิม รองประธานคนที่ 1 เป็นคริสต์ รองประธานคนที่ 2 เป็นพุทธ ถือว่า 3 ศาสนาเลย ตนจึงบอกกับเลขาธิการสภาฯว่า ต้องรักษามาตรฐานศาสนาไว้อย่างเดิม

เมื่อถามว่า เป็นห่วงสภายุคนี้ในเรื่องขององค์ประชุมหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่ององค์ประชุมในยุคนี้น่าจะหมดไป ส่วนนายพิเชษฐ์ ซึ่งเป็นรองประธานคนที่ 2 ในสมัยที่แล้วก็ประท้วงเยอะนั้น หลังได้ตำแหน่งนายพิเชษฐก็มาสวัสดีตน ตนก็ได้ล้อเล่นไปว่า ถึงเวลาทำนา ใครจะมาหว่านข้าวในสภา แต่ก็เชื่อว่าปัญหาต่างๆ น่าจะลดลง เพราะตัวปัญหาไปเป็นรัฐบาลเอง พูดง่ายๆ คือ คนที่ไม่กดบัตรทำให้องค์ประชุมไม่ครบ การประชุมสมัยนี้เขาต้องมาประชุม แต่ที่สำคัญคือ หัวหน้ารัฐบาลในอนาคตเป็น ส.ส.หรืออย่างน้อยมีหัวหน้าพรรคการเมืองมารับผิดชอบ ยกเว้นพรรคเพื่อไทยที่มีน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน เป็นหัวหน้าพรรค และอยู่ในสภาฯแต่คนที่แข่งขันเป็นนายกฯไม่ได้อยู่ในสภา แต่พรรคก้าวไกลเขาอยู่ในสภา แต่สมัยที่แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นส.ส. จึงไม่ได้อยู่ในสภาฯ และหัวหน้าพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลคือพล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้อยู่ในสภา เพราะเมื่อมีปัญหา ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร แม้จะมีตัวแทนของพรรค แต่ก็ไม่ยอมรับกัน แต่ปัญหาเหล่านี้ ในสมัยนี้ปัญหานี้น่าจะหายไป ความร่วมมือก็น่าจะดีขึ้น การพูดมากก็น่าจะลดลง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img