วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 16, 2024
หน้าแรกHighlight‘สุพัฒนพงษ์’ลั่นอยากเจอ‘แหล่งข่าว’ ปล่อยข่าวผ่านสื่อเที่ยวคลับจนติดเชื้อ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘สุพัฒนพงษ์’ลั่นอยากเจอ‘แหล่งข่าว’ ปล่อยข่าวผ่านสื่อเที่ยวคลับจนติดเชื้อ

“สุพัฒนพงษ์” จวกสื่อปล่อยข่าวไปเที่ยวคลับจนติดเชื้อ ข้องใจเล่นเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องประเทศ ยืนยันไม่ได้ไปเที่ยว ย้อนถามกลับ “คริสตัลคลับ” คือที่ไหน? ชี้โชว์ผลตรวจแล้วไม่ติด ก็ไม่มีใครเชื่อ เผยวันที่ถูกปล่อยข่าว ยังกลับบ้านไปเจอภรรยา พร้อมถาม “อยากเจอจังแหล่งข่าวที่ปล่อยข่าว”

เมื่อวันที่ 7 เม.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวที่ว่าตกเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงชื่อ “Krystral Club Thonglor 25” ย่านทองหล่อ ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ว่า “คริสตัลคลับ” คือที่ไหนหรือ ตนไม่เคยไป ช่วยตนบอกว่าสื่อใดที่นำเสนอข่าวเป็นที่แรก และแหล่งข่าวมาจากที่ไหน เพราะตนอยากจะตอบ ไม่ต้องบอกแหล่งข่าวว่าเป็นใครก็ได้ แต่ถ้าไม่แสดงตัว ก็จะสร้างความเดือดร้อน เพราะเราทำงานการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จึงจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง เมื่อมีข่าวออกไป ซึ่งมีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้ต้องพาทีมงานของตนทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 จึงเป็นที่น่าเสียดาย

เมื่อถามว่า ถ้ารู้ตัวคนปล่อยข่าวออกมา จะดำเนินการอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ก็อยากจะรู้ว่าเขาคิดอะไร เจตนาคืออะไร จินตนาการคืออะไร ถ้าเป็นเพราะความเข้าใจผิด หรือความเลินเล่อ ก็ไม่ว่าอะไร เพราะตนไม่มีเจตนาทำร้ายใคร แต่อยากให้เห็นว่าทุกคนมีหน้าที่ สิทธิ สื่อมวลชนก็มีสิทธิให้ข้อมูลข้อเท็จจริงตามหน้าที่ที่ได้เล่าเรียน แต่ก็ต้องมีหน้าที่ตรวจสอบความน่าจะเป็นด้วย ก่อนที่จะเผยแพร่ข่าว การเร่งเพื่อนำเสนอข่าวเพื่อให้ตัวเองโดดเด่น อาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อข้อมูลที่ผิดพลาด และก่อเกิดผลเสียอันไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีวิกฤตเศรษฐกิจที่ผิดปกติ ก็ยิ่งต้องรักษาไว้มากๆ อยากให้ไว้เป็นข้อคิด เพราะทุกคนมีส่วนร่วมที่จะนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยดีและเข้มแข็ง ตนมีหน้าที่ของตน สื่อมีหน้าที่ของสื่อด้วยเช่นกัน วิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นทั่วโลก จึงจำเป็นที่ต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งสิ้น ซึ่งตอนนี้การเติบโตและฟื้นฟูเศรษฐกิจกำลังไปด้วยดี

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า การที่สื่อวิเคราะห์ว่าค่าเงินบาทอ่อน แล้วจะทำให้เศรษฐกิจขาดความน่าเชื่อถือ แต่พอค่าเงินบาทแข็งก็วิเคราะห์ว่าจะกระทบกับการส่งออก วิธีคิดเช่นนี้ก็ต้องมานั่งคุยกันใหม่ ว่าอยากเห็นอะไรกันแน่ หรือกรณีที่ระบุว่าดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลในรอบ 6 ปี ก็ขอชี้แจงว่าการติดลบนั้น เป็นเพราะการผลิตมีมากขึ้น สินค้าที่เป็นวัตถุดิบก็ถูกนำเข้ามามากขึ้น ทำให้มีการผลิตสูงและการจ้างงานมั่นคงมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวการลงทุนของภาคเอกชน นี่จึงเป็นประโยชน์กับประเทศในยามวิกฤตินี้ เป็นสิ่งที่นายกฯอยากเห็นฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน เหมือนรวมไทยสร้างชาติ ประเทศไทยมีโอกาสที่จะดีขึ้น วันนี้ตนจะนำหลายเรื่องไปเสนอต่อที่ประชุม ครม.

เมื่อถามว่า ไลฟ์สไตล์ของตัวนายสุพัฒนพงษ์เป็นอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ของตนง่ายมาก ทำงานอย่างเดียว ออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง และอยู่กับครอบครัวและหลาน เมื่อถามต่อว่า ครอบครัวได้สอบถามหรือไม่ว่า ได้ไปสถานบันเทิงตามที่มีข่าวออกมาจริงหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะวันที่ถูกอ้างว่าผมไปเที่ยวนั้น ที่จริง…ผมกลับบ้าน เจอภรรยาผม แต่ก็บอกลูกทีมว่า ให้ไปบอกเขาว่า เราไม่ได้ไป แต่ก็ไม่มีฟีดแบ็กกลับมา แต่อีก 2-3 วัน กลับมีคนบอกว่าไม่มีใครเชื่อ เพราะเขาไปมั่นใจในแหล่งข่าว ผมอยากเจอจังเลยว่า แหล่งข่าวคนนั้นเป็นใคร ครอบครัวไม่มีใคร เพราะมั่นใจ ผมยืนยันว่าไม่รู้จักและไม่เคยไปที่นั่น ผมก็อยากรู้ว่าสื่อมีข้อมูลอะไร ถ้าไม่มีข้อมูล ผมก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปยืนยันอะไร”

เมื่อถามว่า คนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมา หวังจะเลื่อยขาเก้าอี้ของนายสุพัฒนพงษ์หรือไม่ เพราะมีคนอยากได้ตำแหน่งรมว.พลังงาน นายสุพัฒนพงษ์ หัวเราะแล้วกล่าวว่า “คงไม่มีหรอก ท่านไปคิดกันเอง ผมก็ทำงานของผมต่อไป เรื่องนี้ทีมงานของผมก็รู้สึกไม่ดี เพราะเกิดเรื่องขณะที่กำลังเดินทางไปตรวจราชการในภาคอีสาน และแปลกใจที่ผมบอกว่าไม่ได้ไป แต่ไม่มีใครเชื่อ กระแสดูเหมือนผมเป็นอาเสี่ยมากเลย อยากจะรู้เหมือนกันว่า ทำไมคิดว่าผมจะไปที่นั่น เพราะผมยังคิดไม่ออก ดูแล้วไม่น่าใช่”

ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงกระแสข่าวที่ออกมาหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่เคย คุยแต่เรื่องที่ตนจะมาชี้แจงครม.เท่านั้น ตนต้องพิสูจน์อะไรอีก จึงจะเชื่อ อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงสื่อมวลชนที่ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับตนเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงคนที่ได้มาพบตนด้วย จึงตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อโควิด เมื่อผลออกมาว่าไม่ติดเชื้อ แต่สื่อมวลชนกลับติดใจว่าตนไปเที่ยวจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นการมองมิติเรื่องส่วนตัว มากกว่ามองเรื่องของประเทศ มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ได้ไป และเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา มีข่าวว่าตนจะไม่ไปร่วมงานมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง แต่เมื่อตนไปถึงงานนี้ และจะรอชี้แจงกับสื่อมวลชน ก็ไม่เจอสื่อมวลชนคนไหนเลย

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบนี้มีความรุนแรงมากกว่า 2 รอบแรก รัฐบาลมีเงินเพียงพอรับมือกับวิกฤตนี้หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มีเงินเพียงพอแน่นอน เรื่องนี้อย่าลืมว่าเป็นเรื่องของคนไทยที่มีสิทธิที่อยู่อย่างมีความผาสุกภายใต้กรอบกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องป้องกันตัวเอง แม้ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ยอดผู้ที่รักษาหายมีมากขึ้น เศรษฐกิจยังไม่หยุดร้อยเปอร์เซ็นต์ จะโกรธใครหรือไม่รักใคร ก็ขอให้ลืมตรงนี้ไปก่อน เอาประเทศมาก่อน และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และตนอยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อที่จะได้เห็นว่าประเทศไทยอยู่อย่างมีความสุข บ้านเมืองเราดีอย่างไร

ต่อข้อถามว่า นายสุพัฒนพงษ์จะรับการฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตนจะรับการฉีดวัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนก้า เข็มแรก ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยก่อนหน้านี้ตนได้หยุดยาประจำตัว เพราะเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน แต่แพทย์ที่รักษาประจำตัวยืนยันว่าฉีดวัคซีนนี้ได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img