วันพุธ, พฤษภาคม 29, 2024
หน้าแรกHighlight“หมอชลน่าน”ยันฝ่ายค้านทำหน้าที่ในสภาฯ เป็นกลไกตรวจสอบองค์ประชุม
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“หมอชลน่าน”ยันฝ่ายค้านทำหน้าที่ในสภาฯ เป็นกลไกตรวจสอบองค์ประชุม

“หมอชลน่าน” ยันฝ่ายค้านทำหน้าที่ในสภาฯเป็นกลไกตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อไม่ให้เสียงข้างน้อยปกครองประเทศ ยันดราม่า “เพื่อไทย-ก้าวไกล” เป็นความเห็นต่างตามหลักปชต.

วันที่ 7 ก.พ.65 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่านค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า ตนขออนุญาติขำในเรื่องที่มีการดราม่าเกิดขึ้น ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร เป็นวิธีการทำงาน เราเคารพกันซึ่งกันและกันอยู่แล้ว โดยหลักเราต้องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ย้ำว่าฝ่ายค้านจะตรวจสอบเข้มข้นด้วยวิธีการตรวจสอบองค์ประชุม ในภาวะที่การเมืองอยู่ในวิกฤต แต่พรรคการเมืองอยู่ในภาวะวิกฤตเห็นต่างกันในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด ชี้ให้เห็นสัญญาณว่าเสียงข้างมากในสภาฯไม่ได้เป็นเสียงข้างมาก คือ องค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาลไม่เคยเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ 237 เสียง ซึ่งเราพยายามประเมินอยู่ตลอด หากเป็นเช่นนี้จะขัดต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอเรียนประชาชนว่าฝ่ายค้านมาประชุมทุกคน และการตรวจสอบ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ฝ่ายค้านโดยตรง เราเคยพูดกันว่า หากรัฐบาลไม่พร้อมทำงาน เราก็ทำงานร่วมกับฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยไม่ได้ คือ เสียงข้างน้อยจะเป็นเสียงข้างมากไม่ได้ ซึ่งไม่ชอบด้วยหลักของการทำหน้าที่ แต่เราก็มีข้อยกเว้น เช่น หากมีกฎหมายสำคัญบางเรื่องอาจจะมีมติเป็นเฉพาะไป ฐานะที่ตนเป็นผู้นำฝ่ายค้านขอรับผิดว่าอาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ การตัดสินว่าเรื่องไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ ซึ่งที่ประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่ตัดสิน โดยจะมอบให้วิปฝ่ายค้านตัดสินว่าเรื่องใดเหมาะสมไม่เหมาะสมอย่างไร บางครั้งวิปฝ่ายค้านไม่ได้หารือในแต่ละประเด็น เพราะเราให้สิทธิแต่ละพรรคการเมืองเป็นผู้ตัดสินใจว่าเรื่องไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ และไม่ก้าวล่วงมติพรรคซึ่งกันและกัน ต่อไปตนอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการแต่เน้นหลักทั่วไปเราเห็นพ้องต้องกัน แต่หลักการเฉพาะ เช่น ตัวเนื้อหาและตัวกฎหมาย ซึ่งเราเคารพสิทธิ ส่วนที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้นด้วย

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล หรือพรรคการเมืองฝ่ายค้านใดๆ เรายึดหลักใหญ่เป็นหลัก ส่วนวิธีการปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ เราเคารพสิทธิ ซึ่งกันและกัน ไม่มีดราม่าอะไรให้เกิดความขัดแย้ง ในหลักประชาธิปไตยยิ่งเห็นต่างยิ่งดี แต่ในความเห็นต่างต้องมีข้อสรุปให้ชัก เพื่ออธิบายให้ประชาชนได้ และมีหลายคนไปทำให้ประชาชนฝ่ายค้านไม่ทำงาน ต้องทำความเข้าใจว่า นี่คือการทำงาน เป็นการตรวจสอบ หากรัฐบาลไม่พร้อมเราก็ต้องบอกกับประชาชนว่า รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะทำงานต่อ ซึ่งขึ้นอยู่กับประชาชาตัดสิน หากประชาชนเห็นแบบนี้แล้ว แม้รัฐลบาลมีเสียงข้างน้อยก็จะสนับสนุนต่อก็เป้นเรื่องของประชาชน แต่โดยหลักประชาธิปไตยขัดแน่นอน ปกครองด้วยเสียงข้างมากไม่ใช่เสียงข้างน้อย

เมื่อถาามว่า พรรคก้าวไกล มองว่าวิธีการนี้ไม่สามารถกดดันรัฐบาลได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วิธีการจะกดดันให้ยุบสภาฯได้หรือไม่ได้ ไม่ใช้ข้อตัดสินแต่เป็นกระบวนการ ทุกอย่างที่เป็นกระบวนการสร้างความไม่ชอบธรรมให้เกิดการใช้อำนาจโดยมิชอบให้เสียงข้างน้อยปกครองประเทศ เพื่อบอกให้ประชาชนให้รู้ให้เห็นว่ารัฐบาลไปต่อไม่ได้แล้ว เราไม่ได้หวังว่าการทำองค์ประชุมไม่ครบจะทำให้เกิดการยุบสภาฯ ขออย่าหยิบนำประเด็นนี้ให้เกิดประเด็น ไม่จะทำอะไรเขาก็ไม่ยอมยุบสภาฯ แต่เมื่อเขาไม่มีความชอบธรรมถึงจะยุบสภาฯ และที่สำคัญกลไกที่เราดำเนินการในสภาฯนี้ รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้ หากมีการนำกฎหมายสำคัญเข้าสภาฯแล้วไม่ผ่านเขาถึงจะยุบสภา เช่น พ.ร.ก.กู้เงิน และพ.ร.บ.งบประมาณปี 66 นี่คือการบริหารประเทศไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่เราทำเช่นนี้ เพราะส่งผลดีกับประชาชน ในแง่ที่ว่า หากคุณไม่มีความสามารถไม่มีความชอบธรรมก็พิจารณาตนเอง ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเขาไปนานแล้ว

เมื่อถามว่า กรณีที่สภาฯล่มสองครั้ง ก่อนที่กฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกลจะเข้าสู่การพิจารณา เป็นสาเหตุที่เกิดประเด็นดราม่าระหว่างพรรคฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน การที่สภาฯล่มแต่กฎหมายยังอยู่และสามารถหยิบมาพิจารณาได้ตลอด เพราะไม่ได้ตีกฎหมายตกไป

เมื่อถามว่า การประชุมวันนี้จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการอะไรหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนตั้งใจจะหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนรายละเอียดเป็นหน้าที่ของวิปฝ่ายค้านที่ต้องหารือกันว่าอะไรสำคัญหรือไม่สำคัญอย่างไร และสอดรับต่อภาพรวมของเราหรือไม่ ไม่มีดราม่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ เรื่องดราม่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความเห็นต่าง หากมองบริบทการเมืองด้วยความเข้าใจก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศที่มีถกเถียงกันแสดงความเห็นต่างกัน แต่อย่าไปกล่าวหาแต่ละฝ่ายว่าเป็นเช่นนั้น เราต้องเคารพสิทธิแต่ละฝ่าย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img