วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2024
หน้าแรกHighlightจัดนักจิตวิทยา-ติดกล้องดู“เพนกวิน” ป้องกันทำร้ายตัวเอง-พบ“อ่อนเพลีย”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จัดนักจิตวิทยา-ติดกล้องดู“เพนกวิน” ป้องกันทำร้ายตัวเอง-พบ“อ่อนเพลีย”

“กรมราชทัณฑ์” จัดทีมแพทย์-นักจิตวิทยา-ติดกล้องวงจรปิด ดูอาการ “เพนกวิน” หลังอดอาหารและพบว่าอ่อนเพลีย แต่สุขภาพทั่วไปปกติ นอนหลับ ทำกิจวัตรส่วนตัวได้ ขณะที่ “แม่เพนกวิน-แม่ไผ่ ดาวดิน” บุกพบอุปทูตสหรัฐฯ ร้องเรียนปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย รวมถึงการถูกจับคดีม.112

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.64 ที่กรมราชทัณฑ์ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีการประกาศอดข้าวของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำคณะราษฎร จนกว่าจะได้รับการประกันตัวว่า หลังจากที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รับตัวกลับมาคุมขัง เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมและจัดเตรียมผงเกลือแร่โออาร์เอส (ORS) นม น้ำหวาน และโอวัลตินแก่ผู้ต้องขัง พร้อมจัดเตรียมทีมแพทย์ พยาบาล และนักจิตวิทยาเข้าตรวจอาการอย่างต่อเนื่องเตรียมพร้อมตลอดเวลาหากเกิดความจำเป็นต้องรับการรักษาเร่งด่วน โดยติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในห้องขังเพื่อสังเกตอาการ และป้องกันการทำร้ายตัวเอง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน นายพริษฐ์ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ดื่มเพียงน้ำหวาน นม โอวัลติน

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ส่วนผลการตรวจสุขภาพ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย และระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ สภาพร่างกายทั่วไปมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย และนักจิตวิทยาได้สอบถามการใช้ชีวิต นายพริษฐ์แจ้งว่านอนหลับได้ แต่มีอาการอ่อนเพลียบ้าง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ทั้งนี้สถานพยาบาลของเรือนจำได้จัดอุปกรณ์สำหรับปัสสาวะไว้ใช้ในเวลากลางคืน เพื่อลดการทำกิจวัตรส่วนตัว และได้แนะนำให้ระมัดระวังการทำกิจกรรมระหว่างวัน เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียอาจเกิดอุบัติเหตุได้โดยนายพริษฐ์ให้ความร่วมมือในการตรวจสุขภาพเป็นอย่างดี แต่ปฏิเสธที่จะต้องเจาะเลือดทุกวัน

วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) นำโดยนายอนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” และนางพริ้ม บุญภัทรรักษา มารดาของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ

โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 เป็นต้นมา รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะนอกจากเป็นการแปลงโฉมคณะรัฐประหารผ่านกติกาที่บิดเบี้ยวและวิธีการที่ฉ้อฉล ยังเป็นเงื่อนไขให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางผ่านทางหน่วยงานรัฐ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกรณีการชุมนุมที่นำโดยนิสิตนักศึกษาในปี 2563 ซึ่งมีการขัดขวางและสลายการชุมนุมอย่างผิดหลักการและขั้นตอนสากล มีการใช้กำลังอย่างไม่ได้สัดส่วนกับการชุมนุม มีการขู่คุกคามผู้ชุมนุมทั้งในสถานศึกษาและที่พักอาศัย รวมถึงมีการตั้งข้อหาและดำเนินคดีแกนนำและผู้ชุมนุมด้วยกฎหมายต่างๆ ทั้งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ต่อมา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ต่อเรื่องดังกล่าว มีใจความว่า อุปทูตฯได้พบกับมารดาของนักเคลื่อนไหวที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ โดยเป็นการพบปะกันตามคำขอของพวกเขาที่ได้แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับบุตรของพวกเขา ทั้งนี้ นายฮีธและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คนอื่นๆ ได้พบปะกับชาวไทยในหลากหลายภาคส่วนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ทหาร นักธุรกิจ นักวิชาการ หรือผู้นำเยาวชน เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมาย ความกังวล และประเด็นที่ชาวไทยให้ความสำคัญ การพบปะกันเช่นนี้สะท้อนถึงงานหลักของเจ้าหน้าที่การทูต อันได้แก่ การแสวงหาความเข้าใจเกี่ยวกับมุมมองที่กว้างขวางในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง และอื่น ๆ ของพลเมืองในประเทศที่ประจำการอยู่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img