วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 23, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯ ถกด่วน! แก้ฝุ่น ฝาก ‘อนุทิน’ จี้ทุกจังหวัด ระดมสรรพกำลังแก้ PM 2.5
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯ ถกด่วน! แก้ฝุ่น ฝาก ‘อนุทิน’ จี้ทุกจังหวัด ระดมสรรพกำลังแก้ PM 2.5

นายกฯประชุมแก้ฝุ่นฝาก มท.1 จี้ผวจ.ทุกจังหวัดระดมสรรพกำลังแก้ PM 2.5 สั่ง เสาร์-อาทิตย์นี้ ผู้ใหญ่ต้องลุยพื้นที่ “ใส่บูทมือเปื้อนดิน เท้าเปื้อนโคลนกันหน่อย” เชื่อจะได้ใจประชาชน


วันที่ 15 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ฝุ่น โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , ปลัดกระทรวงมหาดไทย , นายจตุพร​ บุรุษพัฒน์​ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , พลโทอานุภาพ​ ศิริมณฑล​ เจ้ากรมกิจการพลเรือนและโฆษกกองทัพบก​ เป็นต้น​ หารือที่​ห้องสีเขียว​ ตึกไทยคู่ฟ้า​ ทำเนียบรัฐบาล​


นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ เรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง​PM​2.5 ต้องบูรณาการหลายภาคส่วน​ ซึ่งเรื่องปัญหาฝุ่นละออง​PM 2.5 การประสานงานระหว่าง​หลายภาคส่วนของรัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ หลายฝ่ายมีส่วนทำให้มันไม่ราบรื่น​ ตนต้องขอโทษด้วย​ หากต้องมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่าเชียงใหม่ทำได้ กาญจนบุรีที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้ก็ทำได้ พร้อมกับระบุว่าผู้ว่าฯ เองต้องแอคทีฟให้มากขึ้น ลงพื้นที่ให้เยอะขึ้น ไปบัญชาการเองเรื่องการเก็บวัชพืช และเรื่องการป้องกันไฟที่จะเกิดขึ้น ทั้งจุดความร้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีเครื่องมือที่ดีมาก ฝากให้นายอนุทิน​ ขอให้พื้นที่ทุกจังหวัด​ ช่วยกันคิดว่าแต่ละจังหวัดมีกลไกอะไร ที่จะสามารถระดมสรรพกำลัง ซึ่งเชื่อว่าสามารถทำได้
นายกรัฐมนตรี​ ยังระบุอีกว่า ตนได้มีการหารือกับผู้บัญชาการทหารบก ว่ายุทโธปกรณ์อะไรที่ยังไม่ได้ใช้​ เช่นรถลำเลียงคน​ ขอให้เปลี่ยนมาเป็นรถจัดเก็บซากวัชพืชลำเลียงให้กับเกษตรกร​ ไปทำไบโอดีเซล​ ทำถ่านไร้ควัน​ ทำปุ๋ยอินทรีย์​ รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนด้านน้ำมันให้อยู่แล้ว​ ซึ่งจะช่วยทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยตนขอให้พื้นที่ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและเกษตรจังหวัด​ และประสานกับท้องถิ่นให้ดี​ ตนเชื่อว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้


จากนั้นโฆษกกองทัพบก ได้รายงานว่าผู้บัญชาการทหารบกรับสนองนโยบาย​ และได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาค​ 1 ที่รับผิดชอบในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรีโดยกองพลทหารราบที่​ 9 ค่ายสุรสีห์ เป็นผู้ดำเนินการและบริหารงานร่วมกับหน่วยงานราชการในพื้นที่


นายกรัฐมนตรี​ จึงกล่าวว่า​ ตนเข้าใจว่ากองทัพพยายามทำงานอยู่ และตนคิดว่า แม่ทัพภาค​ 1 เอง มีภารกิจค่อนข้างมาก แต่อยากให้ลงไปดูเองบ้าง ตรงแนวที่มีจุดความร้อนจำนวนมาก เพราะไม่เช่นนั้นจะได้รับการบูรณาการที่ไม่จริงจัง เพราะขณะนี้อ้อยในพื้นที่ถูกเก็บเกี่ยวเกือบหมดแล้ว​ เหลือข้าวกับข้าวโพด และตนก็ได้สั่งการบางอย่างไปไว้ก่อน​ ซึ่งพื้นที่เชียงใหม่ตนลงพื้นที่ไป 3 ครั้งแล้ว อยากให้ตนลงไปช่วย​ ตนก็ยินดีไป​ ไม่มีปัญหา​ ขอให้บอก​ ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีรายงานว่าอีก 3 วันจะมีการเปลี่ยนของทิศทางลม ทำให้เรื่องนี้ดีขึ้น​ แต่เราก็อย่าหวังพึ่งทิศทางลมเลย​ เราต้องช่วยกันก่อน​ เพราะมันดีได้อีก 2 วัน เดี๋ยวมันก็เลวได้อีก 3 วันตรงนี้คนป่วย​ คนเจ็บ​ และอาจมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิพื้นฐานของพี่น้องประชาชน​ ส่วนฝุ่นที่มาจากกัมพูชาหรือที่ใด ตนรับไปพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศเอง


ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี​ ยังสั่งการไปยังนายอนุทิน​ ว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์แล้ว ขอให้รีบเร่งประชุม​ผ่านระบบวิดีโอ conference ก็ได้​ อย่าใช้เพียงการสั่งการอย่างเดียว​


“ขอเถอะ ควรจะต้องลงพื้นที่ให้เยอะขึ้น ไปสำรวจกันหน่อย ใส่รองเท้าบูท ยอมเหนื่อยกันหน่อย มือเปื้อนดิน เท้าเปื้อนโคลนหน่อย ถ้าผู้ใหญ่ลงไปกันเอง ผมว่ามันได้ใจนะ ซึ่งที่เชียงใหม่ก็ทำอย่างนั้น ทุกๆ ภาคส่วนเลย รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ทำได้มาก ยังไงฝากหน่อยแล้วกัน และมันจะช่วยได้หมด ไม่ใช่แค่ PM 2.5 อย่างเดียว เรื่องยาเสพติด สินค้าเถื่อน ถือเป็น 3 ปัญหาหลัก หากแก้ปัญหาสินค้าเถื่อนได้ดี พืชผลไทยก็จะขึ้นมาเยอะ รายได้พี่น้องจะเข้าสู่กระเป๋าเยอะขึ้น เพราะไม่ไปสอดส่ายกับยาเสพติด ผมว่ามันเป็นห่วงโซ่ที่จะเป็นเรื่องบวกในวันข้างหน้า ยังไงขอให้หนักหน่อย เสาร์อาทิตย์นี้ถ้าเป็นไปได้ ผู้ใหญ่ลงไปหน่อยแล้วกัน และขอให้รองนายกฯไปเยี่ยมที่เชียงใหม่ด้วย ไปให้กำลังใจเขาหน่อย เพราะเขาทำได้ดีมากจริงๆ และให้นำไปทำในพื้นที่จังหวัดอื่นด้วย”


ภายหลังการประชุมนายอนุทิน เปิดเผยว่า ตนจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประชุมผู้ว่าฯ ในพื้นที่ภาคเหนือ ทำความเข้าใจกับในพื้นที่หาแนวทางแก้ไข ซึ่งคิดว่าจะนำโมเดลของจังหวัดเชียงใหม่มาปรับใช้


ส่วนมาตรการเร่งด่วนก็จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และขอความร่วมมือเรื่องของการเผาซากผลผลิต และวัชพืช แต่ก็ยังมีการลักลอบอยู่บ้าง ส่วนที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลก็จะใช้วิธีการเจรจา สำหรับในพื้นที่เมืองใหญ่ก็อาจจะต้องใช้มาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม รวมถึงอาจจะต้องใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น เพื่อลดฝุ่นควัน


เมื่อถามว่า เรื่องของเวิร์คฟอร์มโฮม แม้ กทม. จะมีการออกมาตรการไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร นั้น นายอนุทิน กล่าวว่าอยากให้มองว่าในช่วงโควิดที่ผ่านมา ก็ชัดเจนว่าไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นอุปสรรค ช่วงไหนที่สภาพอากาศไม่ดีก็อยากจะขอความร่วมมือ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องล็อคดาวน์เหมือนช่วงโควิด ไม่อยากต้องใช้มาตรการบังคับ แต่อยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือซึ่งเป็นเรื่องของจิตสำนึก

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img