วันจันทร์, พฤษภาคม 13, 2024
หน้าแรกHighlightมติบอร์ดบีโอไอขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน 5 ปี หนุน SMEs Startup
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

มติบอร์ดบีโอไอขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน 5 ปี หนุน SMEs Startup

บอร์ดบีโอไอ เตรียมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) ย้ำให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs Startup และวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สอดคล้องศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างทั่วถึง

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (3 พ.ย.65) เวลา 10.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 6/2565 (บอร์ดบีโอไอ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาในประเด็นสำคัญ เช่น การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เป็นต้น

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่ “เศรษฐกิจใหม่” โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ SMEs Startup และวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างทั่วถึง โดยการดำเนินงานวันนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ และมีการประเมินติดตามผลอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด เพื่อปรับการดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งให้บูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบทั้งแผนงาน แผนคน และแผนเงิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการดำเนินการต่าง ๆ และการส่งเสริมการลงทุนต้องสอดคล้องกับการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนซึ่งรัฐบาลและทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการร่วมมือกันที่จะไปสู่เป้าหมายตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ต่อที่ประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26) ที่ผ่านมา (1 พฤศจิกายน 2564) ที่ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกภาคส่วน เพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลก

โดยขณะนี้ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศชั้นนำของโลกที่ดำเนินการในเรื่องของการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง รวมถึงดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าให้มากขึ้น ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนรวมถึงภาคธุรกิจเอกชนต่าง ๆ ในประเทศ เพื่อร่วมกันเดินหน้าไปสู่เป้าหมายตามที่กำหนดและประกาศไว้ นอกจากนี้การพัฒนาต้องทำทั้งสองด้าน ทั้งในส่วนของเก่าและของใหม่ ให้พัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการดำเนินการต้องสอดคล้องการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าใน 5 มิติ ทั้งมิติสุขภาพ มิติความเป็นอยู่ มิติการศึกษา มิติรายได้ และมิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ ตามนโยบายรัฐบาลในการช่วยดูแลประชาชนทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต้องแก้ปัญหาความยากจนให้คนไทยอยู่รอด พอเพียง และมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมด้านการขนส่งทางอากาศและบริหารจัดการจราจรทางอากาศให้มีประสิทธิภาพ รองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วง High Season ที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวและการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำงานเกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมาย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img