วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2024
หน้าแรกHighlight“กรมธุรกิจพลังงาน”เล็งเพิ่มสำรองน้ำมันดิบ-สำเร็จรูป รับมือวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กรมธุรกิจพลังงาน”เล็งเพิ่มสำรองน้ำมันดิบ-สำเร็จรูป รับมือวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน

กรมธุรกิจพลังงานเตรียมสั่งผู้ค้าน้ำมันเพิ่มสำรองน้ำมันดิบเป็น 5% น้ำมันสำเร็จรูปเป็น 2% รับมือสงครามรัสเซีย-ยูเครน

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านน้ำมันเชื้อเพลิงหากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนมีความยืดเยื้อและมีเหตุฉุกเฉินที่ส่งสัญญาณว่า อาจจะกระทบกับแผนการจัดหาน้ำมันดิบของประเทศนั้น กรมฯ ได้ประสานผู้ค้าเตรียมพร้อมที่จะประกาศเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย น้ำมันดิบเป็น 5% จากเดิม 4% และน้ำมันสำเร็จรูปเป็น 2% จากเดิม 1% เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพพลังงานได้ โดยไม่กระทบการดำรงชีพของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่กระทบกับการจัดหาพลังงานของไทย เนื่องจากมีการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเพียง 3% เท่านั้น

ทั้งนี้เมื่อปี 64 ที่ผ่านมาไทยนำเข้าน้ำมันดิบที่ใช้เข้าสู่กระบวนการกลั่นจากตะวันออกกลางมากที่สุด 50% นำเข้าจากรัสเซียเพียง 3% ในเดือน ม.ค. 65 มีการใช้เพียง 1% เท่านั้น

สถานการณ์การจัดหาน้ำมันดิบ กรมธุรกิจพลังงาน ได้ประสานโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 6 ราย ทุกรายยืนยันว่ายังคงสามารถจัดหาน้ำมันดิบได้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 2 เดือน

-ความต้องการใช้น้ำมันโดยเฉลี่ย น้ำมันดิบ 123.25 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนน้ำมันสำเร็จรูป 119.88 ล้านลิตรต่อวัน

-ปริมาณสำรองน้ำมันคงเหลือในปัจจุบัน น้ำมันดิบ(รวมที่อยู่ระหว่างการขนส่ง 5,686.44 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,703.61 ล้านลิตรเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันของประเทศได้ถึง 61 วัน

ขณะเดียวกัน ได้ประสาน ปตท. เพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองอีก 636 ล้านลิตร ใช้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 66 วัน ทำให้ประเทศ ไทยมีน้ำมันใช้เพียงพอ ไม่ขาดแคลน เพื่อสร้างความมั่นใจ หากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจจะมีผลกระทบต่อแผนการจัดหาน้ำมันในประเทศ เตรียมมาตรการรองรับด้วยประสานผู้ค้าน้ำมันเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า ราคาพลังงานในตลาดตึงตัวส่งผลให้หลายประเทศเพิ่มกำลังสำรองเชื้อเพลิง เช่น จีน เก็บน้ำมันดีเซลเป็นปริมาณสำรอง ส่วนไทยนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 3% ยังไม่กระทบสัญญาในปัจจุบัน

แต่เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นก็มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า จึงต้องติดตามสถานการณ์ตลาดน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) ประกาศเพิ่มน้ำมันเข้ามาในตลาด เช่นเดียวกับ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาในตลาดอีก 60ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ภาครัฐ ใช้มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรและตรึงราคาแก๊สหุงต้ม 318 บาท ต่อถัง 15 กิโลกรัม และล่าสุด คณะรัฐมนตรี มีมติให้กระทรวงการคลัง ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเหลือ 0% สำหรับนำมาใช้ผลิตไฟฟ้า

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน มีการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการลดการใช้พลังงานลง 20% โดยให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมมือกันประหยัดพลังงานให้เป็นต้นแบบ-ปรับวิธีการทำงานโดยเน้นการทำงานที่บ้าน และใช้เครื่องมือสื่อสาร และอินเตอร์เน็ตในการทำงาน

พร้อมทั้งให้ใช้ระบบ E-Government ลดการเดินทางมาติดต่อราชการ-หน่วยงานราชการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และการจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นสินค้าที่ประหยัดพลังงาน รวมถึงซื้อรถยนต์ทดแทนรถเก่าให้เป็น EV

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img