วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2024
หน้าแรกNEWSทั่วไป“บิ๊กตู่”ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ดูแลความเรียบร้อยในการเปิดภาคเรียน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กตู่”ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ดูแลความเรียบร้อยในการเปิดภาคเรียน

รองโฆษกรบ. เผยนายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานดูแลความเรียบร้อยในวันแรกของการเปิดเทอมทั่วประเทศ  ขณะที่การฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนอายุ 12 ปีขึ้น ล่าสุดมีผู้ประสงค์ฉีดวัคซีน จำนวน 3.8 ล้านคน

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวกในการเปิดภาคเรียนตามมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยวันนี้ (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564) เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนของโรงเรียน หรือสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศในรูปแบบ On-Site หรือผสมระหว่างรูปแบบ On-Site กับรูปแบบอื่นๆ ประจำปีการศึกษา 2/2564 ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า มีโรงเรียนสังกัด สพฐ.แจ้งเปิด 12,000 แห่ง จากทั้งหมด 35,000 แห่ง และจะมีการทยอยเปิดเรียนมากขึ้นตามความพร้อมของจังหวัด และสถานศึกษา ในวันที่ 15 พฤศจิกายน

โดยกระทรวงไม่เน้นว่าจะต้องเปิดเรียนได้จำนวนกี่แห่ง แต่ให้ความสำคัญกับความพร้อมตามมาตรการความปลอดภัยเป็นหลัก คือการปฏิบัติตาม 7 มาตรการเข้มเปิดโรงเรียน ไป-กลับ คือ 1) ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop COVID Plus (TSC)+ และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID 2) จัดกิจกรรมรูปแบบ Small Bubble 3) จัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ 4) ด้านอนามัย สิ่งแวดล้อม ตามเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาดคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และการจัดการขยะ 5) จัด School Isolation แผนเผชิญเหตุ และมีการซักซ้อม 6) ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน รถส่วนบุคคล และรถสาธารณะ และ 7) จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา ข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) ประกอบด้วย 1) Distancing เว้นระยะห่าง 2) Mask wearing สวมหน้ากาก 3) Hand washing ล้างมือ 4) Testing คัดกรองวัดไข้ 5) Reducing ลดการแออัด 6) Cleaning ทำความสะอาด รวมถึงข้อกำหนด 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) ประกอบด้วย 1) Self-care ดูแลตนเอง 2) Spoon ใช้ช้อนกลางส่วนตัว 3) Eating กินอาหารปรุงสุกใหม่ 4) Track ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน 5) Check สำรวจตรวจสอบ และ 6) Quarantine กักกันตัวเอง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไปนั้น ล่าสุด มีผู้ประสงค์ฉีดวัคซีน จำนวน 3.8 ล้านคน ฉีดวัคซีนแล้ว 2.8 ล้านคน แบ่งเป็น เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จำนวน 2.43 ล้านคน และ 3.88 แสนคน ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้องค์การอาหารและยา (อย.) แจ้งบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทยให้ทำการขึ้นทะเบียนวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี โดยเร่งด่วน หลังจากที่องค์การอาหารและยาของทางสหรัฐอนุมัติให้ไฟเซอร์เป็นวัคซีนสำหรับฉีดเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งอาจจะเริ่มฉีดกลุ่มเด็กดังกล่าวที่สหรัฐ ซึ่งระหว่างรอการขึ้นทะเบียนของบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทยนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามข้อมูลอาการข้างเคียงและประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กวัย 5-11 ปี ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ไปพร้อมกันเพื่อความปลอดภัยที่สุดของเด็กไทย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img