“ไพศาล” ปลุกข้าราชการที่ถูกกดขี่ข่มเหงรังแกทั่วประเทศจงสามัคคีกัน ปิดฉากยุคกังฉินกินเมือง ย้ำการเมืองคือสงครามที่ไม่หลั่งเลือด
เมื่อวันที่ 17 ม.ค.66 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol หัวข้อ “เคราะห์ก็ซ้ำกรรมก็ซัดวิบัติเป็น” มีรายละเอียดดังนี้
เคราะห์ก็ซ้ำกรรมก็ซัดวิบัติเป็น!!!!
1.ช่วงเวลานับถอยหลังการเลือกตั้งยิ่งใกล้เข้ามาเท่าใดเรื่องใสๆ ก็ตามมาเป็นพรวน จนตอบแก้ตัวแทบไม่ทัน
2.อยู่ดีๆ กองเชียร์ผู้ชาญฉลาดก็ออกมาแย้มว่า จะแก้มาตรา 158 ขยายเวลานายกอยู่เกินแปดปีได้ เท่านั้นแหละเสียงก่นด่าทุกสารทิศกระหึ่มไปทั้งเมือง ว่ามัวเมาหลงอำนาจ ในที่สุดก็ต้องถอย แล้วอ้างว่าไม่ใช่เรื่องของส.ว.แต่อย่าเผลอ ตัวไดโว่จะโผล่มาตอนไหนอีก ยังไม่รู้
2.เมื่อวานนี้ข่าวฉาวโฉ่น่าอับอายขายหน้าหมดศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการก็ปรากฎขึ้นมาอีก กระทบไปถึงประธานตำรวจอีกแล้ว!!!
เพิ่งประชุมตั้งตำรวจแม้คำสั่งยังไม่ทันออกไปถึงตัวผู้รับตำแหน่ง แต่คนรับตำแหน่งกลับเข้าคิวชักแถวถือพานดอกไม้ไปกราบนักการเมืองแสดงความภักดิ์ดีที่สนับสนุนให้ได้ตำแหน่ง จนลืมไปว่าตัวเองเป็นข้าราชการในพระเจ้าอยู่หัว ต้องทำการทั้งหลายเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อนักการเมือง!!!
อย่าเข้าใจว่าเขาตั้งไปฟรีๆ และไม่มีคนสนใจ
นับแต่วันนี้ไปก็จะถูกจับตามองว่าจะไปช่วยโกงเลือกตั้งหรือไม่???
ก็ให้ระวังจัญไรจะกินชีวิตราชการไว้ให้จงดี ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
คิดกันบ้างไหม ไม่กี่คนได้ตำแหน่งใหญ่โต แต่อีกหลายคนและครอบครัวพากันเดือดร้อน ต้องพ้นจากตำแหน่งเพียงเพราะไม่ใช่บริวารนักการเมือง เลือกตั้งครั้งนี้ดูกันให้ดีว่าเสียงใครจะมากกว่ากัน!!!!
พี่น้องข้าราชการที่ถูกกดขี่ข่มเหงรังแกทั่วประเทศ จงสามัคคีกันปิดฉากยุคกังฉินกินเมืองด้วยน้ำมือของพี่น้องข้าราชการนี่แหละ
3.รัฐบาลจะให้ฝ่ายค้านอภิปรายทั่วไปในวันที่ 15 กุมภา แต่ทางรัฐสภาไม่ยอม เพราะนานเกินไป
ที่ว่านานนั้นก็ถูก แต่ที่จะไม่ได้อภิปรายสำคัญกว่า!!!!
เพราะฤกษ์ผานาทีนั้น ได้เกริ่นไว้แล้วว่า ยุบสภา 14 กุมภานะจ๊ะ
ชาวพาราจะได้เห็นรายการจิกหัวด่าฉีกหน้ากลางทีวีหรือไม่ เพราะถ้ามีครั้งนี้ จะเป็นครั้งตัดเชือก!!!!
4.การปรากฎตัวของ “ร้อยเอกธรรมนัสกับลุงป้อม” ที่ภาคเหนือเมื่อวานนี้ ไม่ต้องถามความก็บอกได้ว่า “ธรรมนัส” กลับพลังประชารัฐแน่นอน
รับบทขุนพลภาคเหนือและยันศึกนอกแบบทุกชนิด เสริมฤทธิ์บุ๋นบู๊ครบครันให้กับลุงป้อม!!!
แต่ความสำคัญอยู่ตรงที่ “มีธรรมนัสในพลังประชารัฐ ก็ไม่มีประยุทธ์ในหัวใจพลังประชารัฐ” !!!!
ดังนั้นถ้ารวมไทยสร้างชาติล็อคคอภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลไม่ได้ ก็เตรียมเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้
ภูมิใจไทยลงทุนลงแรงตั้งเป้าส.ส.ถึง 120 คน และแกนนำเดินสายลงทุกพื้นที่อย่างหนักมา 2 ปีแล้ว ขนาดนี้จะต้องการแค่เป็น “ท่านขุนแบกเสลี่ยง” หรือ?
ก็ขนาดลุงป้อม ผู้ใหญ่ใจดีรักพี่รักน้อง ยังต้องโยนเสลี่ยงทิ้ง!!!
5.แต่ที่น่าห่วงใยกว่าคือด่านหิน 25 ส.ส. ถึงวันนี้ยังจุกอก
มิหนำซ้ำ ปชป.ยังทำตัวเป็นหนามตำใจ ประกาศว่ารวมไทยสร้างชาติไม่ชนะพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ พูดง่ายๆ ก็คือได้ส.ส.ในภาคใต้ไม่ถึงห้าคน แล้วจะทำฉันท์ใด?
เลือดประชาธิปัตย์ไหลออกเพราะใคร เลือดจึงต้องล้างด้วยเลือด!!!
ท่านจึงว่าการเมืองคือสงครามที่ไม่หลั่งเลือด
