วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2024
หน้าแรกHighlight“สุทิน”สรุปซักฟอกชำแหละ 8 ปี “บิ๊กตู่” ศก.เหลื่อมล้ำ-ปล่อยต่างชาติแผลงฤทธิ์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สุทิน”สรุปซักฟอกชำแหละ 8 ปี “บิ๊กตู่” ศก.เหลื่อมล้ำ-ปล่อยต่างชาติแผลงฤทธิ์

“สุทิน”สรุปซักฟอกชำแหละนโยยาย 8 ปี “ประยุทธ์” ทำเศรษฐกิจเหลื่อมล้ำ-ปล่อยอาชญากรต่างชาติแผลงฤทธิ์ ทำลายความมั่นคงชาติ ขู่ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ทำตามสัญญาหาเสียง ต้องรับกรรมวันเลือกตั้ง ลั่น พอแล้ว 8 ปีไม่ขอเจอกันอีก

เมื่อเวลา 22.55 น. วันที่ 16 ก.พ. 66 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษ ซึ่งมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152

โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคราม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้กล่าวอภิปรายสรุปภาพรวมตลอด 2 วัน ว่า 8 ปี เรื่องเศรษฐกิจ ตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้ามาหนี้เพิ่มขึ้นทุกปี แรงงานไทยยิ่งทำยิ่งยากจน เอสเอ็มอีทยอยเจ๊ง ถูกทุนใหญ่ไล่ทุบ จากที่เคยเป็นเสือตัวที่ 5 ทำไมกลายเป็นหมาตัวที่ 1 เป็นคำถามที่ถามไปยังรัฐบาล รัฐเลี่ยงไปตอบง่ายๆว่า เพราะกู้หนี้เยอะ เงินเฟ้อ โควิด พรรคเพื่อไทยจึงเสนอ จากที่โงหัวไม่ขึ้น เพราะกระตุ้นใช้จ่ายการบริโภคมากกว่ากระตุ้นการผลิต เสนอให้คิดหาทางหารายได้ใหม่ๆ สร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ นายกฯตอบยิ่งสะท้อนแนวคิด บางพรรคให้ค่าแรง 600 บาท บัตรสวัสดิการ 700 บาท ให้เงิน 3,000 บาท เงินเดือน 25,000 บาท จะใช้เงินจากไหน กระทบโครงสร้างงบประมาณ แต่ไม่คิดว่าจะไปหาเงินเพิ่มเลยหรือ เหตุคนถึงจน เป็นหนี้ เพราะค่าครองชีพสูง รายได้ตามไม่ทัน ผลสำรวจระบุ คนไทยครึ่งประเทศ รายได้ไม่พอรายจ่าย นอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังขึ้นค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแก๊ส นอกจากนี้ยังล้มเหลว เรื่องการพัฒนาความสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก มีความเหลื่อมล้ำ เมื่อปี 2557 ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เศรษฐีของประเทศมีทรัพย์สิน 3 แสนล้านบาท แต่ตอนนี้เศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศ มีทรัพย์สินล้านล้านบาท เศรษฐีรวยกันหมด แต่ชาวบ้านจนลง หนี้สินมากขึ้น

นายสุทิน กล่าวว่า นายกฯชอบอ้างความมั่นคงมากดทับชาวบ้าน รัฐบาลและนายกฯ ทำลายความมั่นคงเสียเอง นิยามทหารรุ่นเก่าในครม. ไม่ใช่แค่ต่างชาติมาบุก ต้องไปซื้ออาวุธ แต่บริบทใหม่ความมั่นคงคือ เรื่องทรัพยากรมนุษย์ ถ้าคุณภาพต่ำ ก็สู้เขาไม่ได้ กรณีนายตู้ห่าว ตามที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลพูด เป็นแค่กรณีศึกษา มีตัวละครทั้ง ส.ว. นายตู้ห่าว เสอจื้อเจียง หยูซินฉี เป็นต้น ร่วมกันเขย่าความมั่นคง ยาเสพติด บ่อนการพนัน ค้ามนุษย์ แทรกแซงระบบราชการ สร้างองค์กรเถื่อน แทรกไปในพรรคการเมือง แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ความมั่นคงเรื่องนี้ทำไม นายกฯ คนในรัฐบาล ไม่คิดไม่ตระหนัก ยังโชคดีที่จับได้ สิ่งที่ต้องคิดต่อไป อาชญากรขนาดนี้ อยู่ในเมืองไทยได้อย่างไร ราชการ ตำรวจ ทหาร ปล่อยไว้ได้อย่างไรตั้งนาน ผู้นำของประเทศทำไม สุขุมนุ่มลึก พูดน้อยกับกรณีนี้ ต่างจากกรณีคนไทยทำผิด ตำรวจก็ยึกๆยักๆ ไปถอนหมายจับ ปล่อยให้หนีไปต่างประเทศก็มี เลยนำมาซึ่งความสงสัยของผู้นำ กรณีหลานนายกฯ อาจมีเอี่ยวเกี่ยวข้องทำธุรกรรมร่วมกัน เมื่อส.ส.เพื่อไทย ก้าวไกล ร่วมกันพูด นายกฯกลับตอบว่า คุณก็ไปโยงมาได้ ไม่เกี่ยว ทำไมไม่บอกว่า จะทำอย่างไรกับหลาน จะจัดการอย่างไร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงว่า ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำสัญญาเช่าตึกถูกต้อง จะไปรู้ได้อย่างไรใครทำธุรกิจอะไรบ้าง

“เรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคงของคนไทย นายกฯนโยบายเรื่องนี้ทำไมไม่คิด ไปอ้างความมั่นคงเรื่องอื่น แต่เรื่องนี้กลับปล่อยปละละเลย มาบอก ซื้อบ้านเป็นชุดแถมสัญชาติ บอกข้าราชการเสนอมา เรื่องนี้ใครก็พูดได้ ที่บอกว่า คนกลุ่มนี้อยู่มานาน พยายามบอกว่า ก็มีมาตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทย คนชั่วถ้าคุมอยู่ ก็ไม่มีปัญหา ที่สำคัญคนดีต้องคุมคนเลวให้อยู่ แต่มันมารุ่งเรืองในยุคนี้ แสดงว่าไม่คุมคนเลว เมื่อไม่คุม แสดงว่า คุณเลวด้วย ยุคนั้นเขายังไม่แผลงฤทธิ์เพราะกลไกลเอาอยู่ แต่มาแผลงฤทธิ์ตอนนี้ เพราะมีกลไกลให้ท้าย สว.ดีๆ ก็มีเยอะ แต่ที่มีปัญหาก็เยอะ เพราะท่านสรรหากันมา คนไทยทุกวันนี้อยู่กันอย่างเป็นทุกข์ ไม่รู้เงินอยู่ในธนาคาร จะถูกปล้นไปทางดิจิทัลหรือไม่ เราแนะนำ ขอให้ท่านนายกฯไปคิดว่า จะเอาเครือข่ายท่าน ลูกหลานท่านไว้ หรือเลือกเอาชีวิตคนไทยไว้ ถ้าคิดได้แบบนี้ อะไรดีๆ ก็จะตามมา ถือว่านโยบายเรื่องนี้ของรัฐบาลก็ล้มเหลว”นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ตอนนี้องค์กรระดับโลก จัดอันดับความโปร่งใสโลกอยู่ที่ 110 รถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะกละตะกลามกันเหลือเกิน เพราะมีส่วนต่างกันกว่า 6 หมื่นล้านบาท ที่หวังจะเอาไปละเลงในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายกฯที่บอกจะปราบคอรัปชั่น ทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน โครงการพาราซอยล์ โยงกันทั้งระดับปลัด อธิบดีในกระทรวงมหาดไทย แม้จะโยงไป แต่คนเหล่านี้กลับได้ดี เช่นเดียวกับเรือหลวงสุโขทัย สุดท้ายโยง จบตรงที่การทุจริตในการซ่อม เหตุยิงกันตายที่ จ.นครราชสีมา ก็โกงกัน นายทหารชั้นผู้น้อยทนไม่ไหว แต่คนซวยคือชาวบ้าน เรื่องบุกจับอธิบดีกรมอุทยาน เสียดายไปจับเร็วหน่อยได้เห็นเงินแค่ 5 ล้าน ถ้าไปช้ากว่านี้อาจได้เห็นเงิน 200-300 ล้านบาท นอกจากนี้ ขอให้ท่านแสดงสปิริต ประกาศเปิดบัญชีทรัพย์สินออกมาเลย หากเจ้าตัวประสงค์จะเปิดก็เปิดเองก็ได้ แบบนี้หล่อเลย ถือว่าส่งสัญญาณดี เรื่องชุดสูทของนายวิษณุ แม้ท่านจะชี้แจง แต่ส.ส.ที่อภิปรายบอกว่า ท่านไปตอบกันคนละร้านกัน

นายสุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายของภาครัฐที่จะปฏิรูปบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาระบบการให้บริการกับประชาชน แต่ในวันนี้กลับพบว่าคดีที่มากที่สุดคือ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ล้วงเอาเงินชาวบ้านไป หากเราหวังจะพัฒนา ต้องทำให้คนไทยมีความฉลาดทางดิจิทัล แต่ของเรากลับไปอยู่ในลำดับท้ายๆ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะปฏิรูปการศึกษา เลิกทำไอโอ แล้วกลับมาพัฒนามันสมองคนไทย พัฒนาดิจิทัล โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดีอีเอส จับมือกันทำงาน ยกเครื่องให้คนไทยสู้เขาได้ในศตวรรษ 21 นอกจากคุณภาพเยาวชนต่ำ คุณภาพครูก็มีปัญหาทั้งหนี้สิน เลยทำให้ศักยภาพครูและเด็กต่ำไปด้วย และงบประมาณที่ให้ไป บางที่ใช้ไปผิดทาง ทุจริต ใช้ไม่เป็น ซึ่งต้องปฏิรูปการศึกษาด้วย

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนการปราบปรามยาเสพติด ก็ล้มเหลวชัดเจนที่สุด สถานการณ์ยาเสพติดวันนี้รุนแรง ภาพที่เกิดรายวันโดยเฉพาะ จ.หนองบัวลำภู 4 ปีที่ผ่านมา ท่านไม่เคยยอมรับความจริง บอกว่า ทำเต็มที่ได้ผล เหน็บแนมมาเราด้วยว่า ทำไม่ได้อย่างท่าน ดื้อตาใสบอกว่า ปราบดี ไม่มีปัญหา เหตุการณ์หนองบัวลำภู มาขึงขัง ตึงตังจะปราบกันได้2สัปดาห์ ตอนนี้ก็เงียบ ขอท้าคนที่อยู่ในสภาฯ พูดว่า รัฐบาลปราบได้ดีแล้ว เชื่อว่า สอบตก ชาวบ้านรุมเลย นโยบายนี้ ล้มเหลวที่สุด ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ก็ไปซ้ำเติมความมั่นคงของประเทศ เด็กไทยวันนี้ติดยาเยอะ เกณฑ์ทหารไป ลองไปตรวจปัสสาวะมีบริสุทธิ์กี่คน การปราบปรามยาเสพติด ขอตราหน้าเลยว่า ล้มเหลว โดยเราเสนอว่า นายกฯต้องยอมรับความจริงยาเยอะ ปราบที่มีอยู่ อย่าไปเพิ่มกัญชาเข้ามา ต้องให้ความเป็นธรรม ไม่โทษพรรคการเมือง เพราะเขาพูดแล้วต้องทำ แต่ต้องโทษนายกฯ อย่าไปส่งเสริม สนับสนุน

“การปฏิรูปการเมืองนอกจากไม่ปฏิรูป ยังยับเยิน ดึงการเมืองกลับมาเป็นสภาพอัปลักษณ์ พรรคร่วมรัฐบาลกว่า20พรรค พอยุ่งเป็นเรื่องกล้วยตามมา บอกว่าไม่อยากสืบทอดอำนาจ เป็นมาแล้ว 8 ปี และครบแล้วไม่ออก อยู่ต่อ ไปไกลถึงจะสมัครนายกฯอีกรอบ แม้เป็นสิทธิ์ แต่ถ้าไม่จำคำพูดก็ลง แต่วิถีการพูด การปฏิบัติเหมือนโลกอารยะทำกันหรือไม่ แตกพรรคนั้นไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ถ้าคิดได้ คิดเป็น มีที่ปรึกษาด้านนี้ ถามหน่อยว่า ที่ทำอยู่ การเมืองถอยหลังหรือไปข้างหน้า แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร ดูแล้วจะตกต่ำไปเรื่อย วันนี้วางแผนกันใต้เข็มขัด จะเลื่อนเลือกตั้ง หรือจะคดจะโกงหรือไม่ แต่ก็ไปดูกัน เรื่องนี้ประชาชนรู้ว่าล้มเหลว ไม่จริงใจอย่างสิ้นเชิง” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวต่อว่า นโยบายเรื่องปกป้องเทิดทูนสถาบัน แต่ไม่มียุคไหน สถาบันกระทบมากขนาดนี้ ถือเป็นความล้มเหลว ที่พูดไว้ เป็นนโยบายที่ประกาศไว้ต่อสภาฯ ยังมีอีกหลายสัญญา พิสูจน์ว่าจริงใจกับชาวบ้านหรือไม่ เคยบอกว่าค่าแรง 400 บาท เงินเดือน 1.8 หมื่นบาท มารดาประชารัฐ ข้าวเกวียนละเท่านั้นเท่านี้ พอเป็นรัฐบาลมีทั้งไม่นำนโยบายมาบรรจุ หรือบรรจุแต่ไม่ทำ หรือไปทำตรงกันข้าม ที่บอกว่า ทำเยอะๆ นโยบายที่ยกมา ทำแล้วสำเร็จแค่ไหน ในเรื่องน้ำท่วม บอกว่า เพราะฝนตก เหลืออย่างเดียว ทำไมไม่บอก ที่แล้งเพราะไม่มีน้ำ ในยุคของผม ทำให้ประชาธิปไตยกินได้ ทั้งเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านตื่นตัวว่า ประชาธิปไตยกินได้ พอชาวบ้านใกล้การเมือง ทำให้การเมืองมันดีขึ้น

“เขาเคยตราหน้า นักการเมืองดีแต่พูด แต่ถ้าพูดแล้วทำได้ ไม่มีใครว่าเรา เสียใจนายกฯ สัญญากับสภาแล้วไม่ทำ หรือทำตรงกันข้าม และยังมาด้อยค่าพวกเรา ที่ไม่ทำ เป็นกรรมของท่าน ที่เสียใจคือ ทำให้คุณค่าประชาธิปไตย สภา การเลือกตั้ง ตกต่ำ ลดความเชื่อถือชาวบ้าน แต่ถ้าพูดแล้วทำ พรรคท่านจะได้ผลดี พรรคการเมืองที่พูดแล้วไม่ทำ พี่น้องประชาชนเขาคิดได้ คงเลือกใช้คนเป็น ใช้คนถูก เสียดายยังมีอีกหลายเรื่องไม่ได้คุย สะท้อน หวังว่าจะพบกันในโอกาสหน้า ได้มาเจอกันอีกครั้ง แต่กับนายกฯ ไม่ต้องมาเจอกันอีก 8 ปี พอแล้ว”นายสุทิน กล่าวสรุปทิ้งท้าย

จากนั้นนายสุชาติ รองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวว่า จบการพิจารณาญัตติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต่างทำหน้าที่ แม้อาจจะมีการกระทบกระทั่งถือเป็นการทำหน้าที่ บุคคลไหนอาสาจะมาทำหน้าที่นายกฯ ต้องเข้าใจระบบรัฐสภา จากนี้ไม่มีเรื่องพิจารณา ขอปิดการประชุมเวลา 0.35 น. วันที่ 17 ก.พ.66 รวมเวลาอภิปรายตลอด 2 วัน ใช้ทั้งสิ้น 31 ชม.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img