วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2024
หน้าแรกNEWSทสท.ร่อนแถลงการณ์จี้รัฐทบทวน''เงินดิจิทัล'' เสนอแจกเครดิตให้ประชาชนแทน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ทสท.ร่อนแถลงการณ์จี้รัฐทบทวน”เงินดิจิทัล” เสนอแจกเครดิตให้ประชาชนแทน

รองหน้าหน้า ทสท. เผย พรรคไทยสร้างไทย จี้รัฐทบทวน การแจกเงินดิจิทัล ร่อนแถลงการณ์ ย้ำข้อเสนอแจกเครดิตให้ประชาชน แทนการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ทุนตั้งตัวแก่ประชาชน หลังโครงการเรือธงที่หาเสียงถูกโรคเลื่อนเล่นงานใกล้ถึงทางตัน

นายนพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการเสนอแจกเครดิตให้ประชาชนแทนการแจกเงินดิจิทัล10,000 บาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ทุนตั้งตัวแก่ประชาชนเพราะถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าโครงการแจกเงินดิจิทัล10,000 บาท ใกล้จะถึงทางตัน ขณะที่คนในรัฐบาลยังคงยืนยันจะเดินหน้านโยบายนี้ต่อไปท่ามกลางกระแสการคัดค้านจากผู้คนมากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ และนักกฎหมายการคลัง ส่วนใหญ่มองว่าโครงการนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ ได้ไม่คุ้มเสีย

การเสนอนโยบายในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง กับการแถลงข่าวของคนในรัฐบาลที่เกี่ยวข้องหลายคน ดูเหมือนยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จนมีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายว่าเป็นการนำเสนอและชี้แจงที่ไม่ตรงปก มีข้อบ่งชี้ในหลายประเด็นว่าเป็นนโยบายหาเสียงที่ไม่มีความพร้อมไม่ได้พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบทั้งในด้านเศรษฐกิจและกฎหมาย จึงเกิดปัญหาในทางปฏิบัติจนล่าช้าออกไปอย่างมาก

ตนและพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าโครงการนี้เป็นเพียงนโยบายที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น และจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการกำหนดเงื่อนไขในการขึ้นเงินของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน มีความเสี่ยงในการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องชี้แจงให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมว่าผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการจะไม่ใช่บุคคลรายใดรายหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพมากกว่าผู้ประกอบการรายย่อย

พร้อมกับต้องมีขั้นตอน วิธีการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนให้โครงการสามารถกระจายการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ขอเสนอให้มีการถอดบทเรียนจากการแจกเงินที่เกิดขึ้นในรัฐบาลที่แล้วมาพิจารณาประกอบด้วย เนื่องจากได้เคยมีการสำรวจความพึงพอใจของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ พบว่าร้านค้ามากกว่าร้อยละ 60 กลับมีความรู้สึกและประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อโครงการลักษณะนี้ และเห็นพ้องเป็นทางเดียวกันว่า ไม่แน่ใจที่จะเข้าร่วม และบางส่วนยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมโครงการ เพราะมีความกังวลเรื่องภาษี และยังไม่รู้หลักเกณฑ์รายละเอียดการเข้าร่วม ทั้งยังกังวลว่าจะได้รับเงินล่าช้ากว่าการขายปกติ

พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่า การจัดลำดับความสำคัญในการบริหารงบประมาณ และการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนผลกระทบและภาระทางการเงินการคลังในอนาคตของประเทศ โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องปากท้องของคนส่วนใหญ่ที่เป็นคนตัวเล็กที่ไม่มีเงินจะจับจ่ายใช้สอยและลงทุนทำมาหากินตามฐานานุรูปของตน คนตัวเล็กที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีจำนวนมากกว่า 36 ล้านคน คนเหล่านี้ไม่มีโอกาสเข้าสู่ระบบธนาคารที่ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้เลย พวกเขาต้องพึ่งเงินกู้นอกระบบที่อัตราดอกเบี้ยสูงมากคือ 10 – 20% ต่อเดือน หรือ 120 – 240% ต่อปี

จึงไม่มีทางจะมีชีวิตที่ดีและมั่นคงได้ รัฐมีหน้าที่ในการจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำมาช่วยเหลือคนเหล่านี้ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้เสนอให้แก้ปัญหาที่กล่าวมาด้วยการออกพันธบัตรกู้ยืมเงินจากคนที่มีเงินในอัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.5 – 4% ต่อปี เพื่อมาปล่อยเครดิตให้กับคนตัวเล็กประมาณ 20 ล้านคน ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 12% ต่อปี หรือไม่เกิน 1% ต่อเดือน วิธีการนี้คือ การแจกเครดิตให้ประชาชน เริ่มต้นที่คนประมาณ 20 ล้านคน คนละ 10,000 บาท เพื่อนำร่อง ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 200,000 ล้านบาท

การแจกเครดิตให้ประชาชน ไม่ใช่แจกเงินแบบให้เปล่า ผู้รับเงินไปยังคงมีหน้าที่ที่จะใช้คืนเงินต้นและดอกเบี้ย ตามตารางเวลาที่กำหนด วิธีการนี้ไม่ต้องวุ่นวายกับร้านค้าที่จะรับเงินดิจิทัล ซึ่งต้องอยู่ในระบบ VAT ดังนั้น สินค้าและบริการระดับบ้าน ๆ เช่น ตลาดรถกระบะเปิดท้าย ตลาดนัดชุมชนในรูปแบบอื่น ๆ ก็สามารถได้รับประโยชน์โดยถ้วนหน้า กลไกของเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการจะมีลักษณะเป็น REVOLVING FUND ที่จะสามารถดูแลตนเองจากรายได้ที่ได้รับ สำหรับคนที่รักษาเครดิตไว้ได้อย่างดี ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป มีสิทธิขอเครดิตเพิ่มเติมจากรัฐได้ แต่ไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งรัฐจะพิจารณาประวัติ ความมุ่งหมายในการขอเครดิตเพิ่ม และความสามารถในการใช้คืน

รัฐไม่ต้องสร้างกลไกอะไรใหม่ สามารถใช้ระบบในแอปเป๋าตังที่มีอยู่โดยปรับปรุงบางส่วน ไม่ต้องไปเสียเวลาเขียนโปรแกรมใหม่เพื่อมารองรับเทคโนโลยี BLOCK CHAIN รัฐเพียงทำตัวเป็นคนกลางกู้เงินคนรวยในอัตราดอกเบี้ยต่ำมาปล่อยเป็นเครดิตให้ประชาชน ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ 10 – 20 เท่า โดยมอบให้ธนาคารของรัฐเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องการดูแลระบบปฏิบัติการ และกระบวนการสินเชื่อ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายไม่มาก เพราะเป็นระบบที่มีและใช้อยู่ในปัจจุบันอยู่แล้ว

นายนพดล ระบุด้วยว่า หากรัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชน ก็ควรมุ่งช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน กลุ่มคนเปราะบางที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ การแจกเครดิตให้ประชาชนโดยอาศัยแหล่งเงินจากการออกพันธบัตรรัฐบาล เป็นระบบการพึ่งพาตนเองจากแหล่งเงินภายในประเทศ มิใช่เงินกู้ที่จะทำให้ส่งผลกระทบกับฐานะการเงินการคลังของประเทศ ไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาว เป็นการช่วยพยุงการดำรงชีวิตของกลุ่มประชาชนที่ยากจน ด้วยวิธีการการกระจายการจ่ายเงินเป็นงวด ๆ หลายงวดผ่านท่อน้ำเลี้ยงที่ช่วยอัดฉีดเงินให้ประชาชนเอาไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นเพื่อการทำมาหากินแบบหมุนเวียนไม่จบสิ้น ทำให้เขาเข้าสู่ระบบเสมือนธนาคารโดยไม่ต้องมีหลักประกันอะไร

ทั้งจะเกิด MULTIPLIER EFFECTS ไปตลอด ซึ่งแตกต่างจากการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นก้อนมหาศาลเพียงครั้งเดียว ที่เงินทั้งก้อนจะไหลไปสู่เจ้าสัว ทุนใหญ่ และทุนพรรคพวกเหมือนเดิม ถ้าขนาดของเงินหมุนเวียนมีถึง 560,000 ล้านบาท ในอนาคต ลองนึกภาพว่าจะสร้างการบริโภคภายใน (LOCAL CONSUMPTION) ขนาดไหน

พรรคไทยสร้างไทยขอย้ำว่าเจตนารมณ์ของการเสนอให้แจกเครดิตให้ประชาชน แทนการแจกเงินดิจิทัล ก็เพื่อให้ประชาชนคนตัวเล็กเข้าถึงเงินทุนดอกเบี้ยต่ำโดยเน้นการสร้างความรับผิดชอบและวินัยให้แก่พวกเขา เพื่อให้มีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมั่นคง ไม่ใช่มองเขาแบบคนรอรับการแจกเงิน ถ้าประชาชนราว 36 ล้านคน มีเครดิตดอกเบี้ยต่ำใกล้เคียงกับธุรกิจขนาดใหญ่ พวกเขาจะเป็นพลังการผลิต และพลังบริโภคที่มหาศาลให้แก่ประเทศไทย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img