วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 23, 2024
หน้าแรกNEWS‘ดร.เสรี’ฟาด‘เจ๊หน่อย’ปล่อยเฟคนิวส์ ซัด‘น่าสมเพช’-จี้หน่วยงานรัฐจัดการ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ดร.เสรี’ฟาด‘เจ๊หน่อย’ปล่อยเฟคนิวส์ ซัด‘น่าสมเพช’-จี้หน่วยงานรัฐจัดการ

ดร.เสรี” ฟาดแรงใส่ “หญิงหน่อย” ปล่อยเฟคนิวส์ว่าไทยติดเชื้อรายใหม่อันดับหนึ่งของโลก ซัดแรง “พูดไม่จริง” มาหลายครั้ง แต่ไม่เห็นมีใครจัดการ จี้หน่วยงานรัฐ ทำหน้าที่ อย่าให้คนด่าว่าไม่มีน้ำยา หวดแรงเล่นการเมืองน้ำเน่า น่าสมเพชจริง

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย, กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ซึ่งให้การสนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์มาโดยตลอด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “ยังจะต้องเกรงใจกันอีกไหมกับการที่มีคุณหญิงคนหนึ่ง โพสต์ข้อความว่าประทศไทยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีคนตายเป็นอันดับสองของโลก

คนๆ นี้พูดเรื่องไม่จริงมาหลายครั้งแล้ว ทำไมไม่เห็นมีใครจัดการอะไรเลย คนที่ควรจะจัดการคือหน่วยงานใดคะ ทำหน้าที่หน่อยเถอะค่ะ อย่าให้คนเขาด่าว่าไม่มีน้ำยา ไม่ทำหน้าที่

ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เคยมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีจะพูดเท็จได้ขนาดนี้

สงสัยว่าจริยธรรมหายไปเพราะความแค้นที่พ่ายแพ้ และไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันที่ตัวเองต้องการ จึงได้เล่นการเมืองน้ำเน่าได้ขนาดนี้ น่าสมเพชจริงๆ”

จากการตรวจสอบพบว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมภาพประกอบที่ระบุว่า ไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่เป็นอันดับ 1 ของโลก และมียอดผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 2 ของโลก มีเนื้อหาว่า…วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ และเสียชีวิตสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ที่ 14,150 ราย และมีผู้เสียชีวิตที่ 118 ราย (จากข้อมูล ณ.ช่วงเวลา 13:14 น. ของ https://www.worldometers.info) ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ของไทยเราวิกฤตหนักมากแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ในขณะที่ประเทศอื่นทั่วโลกอยู่ขาลงของโควิด แต่ประเทศไทยกำลังทะยานขึ้นอย่างน่ากลัว

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรี ต้องตระหนักถึงความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสของประชาชน ที่เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการโควิดของรัฐบาล จนทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยที่ถือว่าดีติดอันดับโลก ต้องล่มสลาย หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องทำงานหนักจนแทบจะไม่ไหวแล้ว ต้องเร่งปรับการทำงาน แก้ไขปัญหาตามที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอพิมพ์เขียวไปแล้ว โดย

1.ต้องควบคุมการระบาดให้ได้เร็วที่สุด โดยเพิ่มการตรวจเชิงรุก ด้วย Rapid antigen test ในพื้นที่ระบาดหนักสีแดงเข้ม และเมื่อผลตรวจเป็นบวก ต้องรับเข้าระบบดูแลทันที ไม่ต้องไปรอตรวจ PCR เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน โดยฝึกอาสาสมัครภาคประชาชนให้เป็นผู้ช่วยตรวจในทุกชุมชน

2.ต้องเร่งเพิ่ม Community Isolations โดยใช้โรงเรียน หรือวัดที่อยู่ใกล้ชุมชนและเร่งเพิ่มโรงพยาบาลสนาม (เตียงเขียว) โดยใช้สถานที่ราชการ ที่มีอาคารพร้อม เช่น ค่ายทหาร หรือเช่าโรงแรมที่ว่าง ทำให้เพียงพอรับรองผู้ติดเชื้อ

3.เร่งให้ “ยาฟาวิพิราเวีย” กับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ ตั้งแต่อยู่ในชั้น “เตียงเขียว” เพื่อให้หายป่วยกลับบ้านได้ ไม่ต้องรอให้อาการหนักจนต้องส่งต่อโรงพยาบาล เพื่อลดการป่วยหนักการเสียชีวิต และแก้ไขปัญหาเตียงไม่พอ

4.ปรับแผนการบริหารจัดการวัคซีนใหม่ เร่งสั่ง mRNA มาเป็นวัคซีนหลักคู่กับ AstraZeneca โดยต้องสั่ง mRNA เพิ่มให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านโดส ไม่ใช่สั่งแค่ 20 ล้าน อย่างที่ทำอยู่ ซึ่งจำนวน 10 ล้านโดสสามารถจัดหาได้ ถ้านายกใส่ใจและทุ่มเทสรรพกำลังในการเจรจา

5.ถึงเวลาทะลุทะลวงคอขวดของระบบราชการทั้งหมด

  • ยกเลิกการผูกขาดวัคซีน และยาของหน่วยงานรัฐ
  • ยกเลิกระเบียบขั้นตอนที่ออกกันมามากมาย จนเป็นอุปสรรคต่อผู้ปฏิบัติงานที่ต้องเร่งดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะระเบียบการจ่ายเงิน
  • ที่สำคัญคือต้อง “เลิกการรวมศูนย์อำนาจ” ไว้ที่นายกคนเดียว และต้องยกเลิกศูนย์ต่างๆ ที่ตั้งกันมามากมาย ซึ่งผิดหลักการบริหารในยามวิกฤติ ที่ต้องมีระบบสั่งการที่แม่นยำ และต้องสั้นที่สุด
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img