วันจันทร์, พฤษภาคม 13, 2024
หน้าแรกHighlight“ประยุทธ์”แจงยิบกรณีเหมืองทองอัครา ยืนยัน“ไม่ได้ยึดเหมืองมาเป็นของรัฐ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ประยุทธ์”แจงยิบกรณีเหมืองทองอัครา ยืนยัน“ไม่ได้ยึดเหมืองมาเป็นของรัฐ”

นายกฯ ชี้แจงกรณีเหมืองทองอัครา รัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ย้ำไม่ได้ต้องการทำเหมืองหรือยึดเหมืองมาเป็นของรัฐ แก้ไขปัญหาตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 65 ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ชี้แจงถึงข้อกล่าวหาจากฝ่ายค้าน

ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี ดังนี้กรณีเหมืองทองอัครา ต้องทำความเข้าใจที่ตรงกันก่อนว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจากอะไร รัฐบาลในทุกสมัยมีหน้าที่พิจารณาการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่างเหมาะสม โดยสถานการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2535-2544 

รัฐบาลในช่วงนั้นก็ได้เห็นชอบตามกฎหมาย พ.ร.บ.การประกอบกิจการเหมืองแร่ พ.ศ. 2510 เชิญชวนให้มีการลงทุนด้วยการลดค่าภาคหลวง ออกใบอนุญาตสำรวจ ออกใบอนุญาตประทานบัตร และใบอนุญาตการประกอบโลหะกรรม สนับสนุนให้มีการทำเหมืองทองในเขตจังหวัดพิจิตร ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นก็ได้เดินทางไปต้อนรับการเปิดเหมืองการผลิตทองคำ เพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศ และผู้ลงทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นบริษัทเดิมอยู่ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2554

รัฐบาลต่อมาก็ได้มีการระงับการต่อใบอนุญาตประทานบัตร จำนวน 1 แปลง ยาวนานมาถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง ซึ่งมีปัญหาฟ้องร้องเกี่ยวกับขั้นตอนของการออกใบอนุญาต และเรื่องยังฟ้องร้องกันอยู่ในขั้นของศาลปกครองถึงปัจจุบัน  นอกจากนั้น ยังมีปัญหาของผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่เกิดจากสารพิษตกค้างจากการทำเหมือง ทั้งนี้ ในช่วงของรัฐบาล คสช. เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงว่าปัญหาดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว โดยเป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในสภาวะไม่ปกติ รัฐบาลก็ได้พิจารณาการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่างเหมาะสมเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนั้นมีข้อโต้แย้งมากทั้งเรื่องขั้นตอนการอนุญาต ขาดความรัดกุม และเพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและต้องใช้เวลาในการทบทวนข้อกฎหมาย พ.ร.บ. การประกอบกิจการเหมืองแร่ และกรอบนโยบายเกี่ยวกับการทำเหมือง เพื่อลดปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน รัฐบาลมีความชอบธรรม เพื่อดำเนินมาตรการใด ๆ ที่เห็นว่ามีความจำเป็น

ทั้งนี้ ภายหลังการปรับปรุง พ.ร.บ. การประกอบกิจการเหมืองแร่ พ.ศ. 2560  และมีการออกนโยบายการทำเหมืองแร่ใหม่ในปีเดียวกัน มีบริษัทเอกชนที่สนใจเข้ามาขอใบอนุญาตใหม่ และขอต่อใบอนุญาตเดิมแล้วกว่า 100 ราย ถ้าเอกชนรายใดมีขีดความสามารถตามที่รัฐบาลกำหนด ต้องการขอใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจ ก็สามารถเข้ามายื่นเรื่องได้ตามขั้นตอน

โดยเป็นไปตามที่คณะกรรมการพิจารณา บริษัทอัคราเป็นบริษัทหนึ่ง ที่แม้จะมีผู้ถือหุ้นของบริษัทมีคดีความฟ้องร้องต่อรัฐบาลไทย แต่ก็มิได้เป็นข้อจำกัดสิทธิบริษัทอัคราที่จะดำเนินการเรื่องขอต่อใบอนุญาต ตามที่ประทานบัตร 1 แปลง ของบริษัทอัครา หมดอายุในปี 2555 ซึ่งขอต่อใบอนุญาตไว้ในปี พ.ศ. 2554  แต่ยังถูกระงับการต่ออายุอยู่ และพอในปี พ.ศ. 2563 มีอีก 3 แปลงที่ใบอนุญาตจะหมดอายุเพิ่มขึ้นซึ่งจะหมดอายุภายหลังที่บริษัทอัคราหยุดกิจการปลายปี พ.ศ. 2559 แต่ได้มีการขอต่ออายุไว้ก่อนแล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า การดำเนินการของรัฐบาลจำเป็นต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ประชาชนเป็นหลัก และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รัฐบาลไม่ได้ต้องการทำเหมืองหรือยึดเอาเหมืองมาเป็นของรัฐ ซึ่งอาจจะมีความเข้าใจไม่ตรงกันในส่วนนี้ เพียงแต่ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบหรือกฎหมายเรื่อง พ.ร.บ. เหมืองแร่ใหม่ เพื่อให้ถูกต้องและสมบูรณ์

นายกรัฐมนตรียังชี้แจงว่า คำถามหลายข้อเกิดจากการอนุมานของผู้อภิปรายเอง ที่พยายามจะบิดเบือนให้พี่น้องประชาชนเห็นว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างร้ายแรง

ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจริง โดยทุกครั้ง ก็ได้ตอบคำถามในการอภิปรายเสมอมา ได้เรียนให้ทราบว่าการเจรจาเกิดขึ้นโดยคำแนะนำของคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นทางออกที่ดีสำหรับกรณีพิพาทนี้ เนื่องจากมีความไม่เข้าใจกันอยู่หลายประการ ดังนั้น การเจรจากันต้องใช้เวลา ขณะเดียวกันก็อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คู่เจรจาอยู่คนละประเทศ จึงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการใช้มาตรา 44 ว่า ผู้อภิปรายพยายามอภิปรายจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่คำนึงถึงประชาชนที่ต้องเสียประโยชน์ เพราะการเจรจานั้น เพื่อทำความเข้าใจให้เกิดผลดีและส่งผลดีที่สุด แต่ข้อเสนอของผู้อภิปรายเหมือนต้องการให้ประเทศ และนายกรัฐมนตรีเสียหายและมีความผิดจากการใช้มาตรา 44 หรือกฎหมายปกติตามคำแนะนำของกระทรวงให้ยุติการทำเหมืองเป็นการชั่วคราว การฟ้องร้องตามกลไก TAFTA ก็ยังคงทำได้อยู่ แต่หากผู้อภิปรายเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ถูกต้องชอบธรรม ก็ควรอธิบายให้เกิดความเข้าใจ ไม่ควรนำมาผูกเรื่องกับเหมืองทองเพื่อประโยชน์ของบุคคลใดก็แล้ว

แต่ ยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลทำคือการแก้ปัญหา และมาตรา 44 ที่ออกไป ขอให้ไปดูว่ามีการเขียนในรายละเอียด เป็นเรื่องของการต้องไปตรวจสอบ ต้องไปดำเนินการให้ทุกเหมือง ทุกประเภท ให้ไปทำให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งหลายเหมืองก็มีการปิดไปในเวลาเดียวกันด้วย และเมื่อแก้ไขแล้วก็สามารถเปิดได้ใหม่ แต่เหมืองแร่ตรงนี้อาจจะมีความไม่เข้าใจที่มองว่าเราต้องการจะไปยึดเหมืองเขา ซึ่งไม่ใช่ และเรื่องนี้ก็มีการพูดคุยกันด้วยดีในคณะอนุญาโตตุลาการ

ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาได้ ก็เกิดจากความร่วมมือของทุกคนที่จะเข้าใจกันในสภา ไม่ใช่จับจ้องทุกประเด็นปัญหา อย่างไรก็ตาม ก็รู้สึกดีใจที่ได้รับฟังข้อเสนอทั้งสองฝ่ายเสนอมาในวันนี้ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เข้าใจและผู้ที่ยังไม่เข้าใจ โดยสิ่งใดที่ยังไม่เข้าใจก็เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะรับไปดำเนินการและชี้แจง แต่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถจะพูดได้ว่าใครผิดหรือถูกในขณะนี้ เพราะยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นการพูดจาอะไรต่าง ๆ ก็ขอให้ระมัดระวังด้วย เพราะหากปัญหาขึ้นในอนาคตคงไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่ต้องย้อนกลับไปถึงรัฐบาลต่าง ๆ ที่ผ่านมาด้วย ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอให้สภาเป็นที่ที่รับฟังข้อเสนอแนะ นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังทุกฝ่าย แต่ถ้าเพียงมุ่งจะตีรัฐบาล และให้นายกรัฐมนตรีลาออก มองว่าไม่ถูก และยืนยันไม่ลาออก

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img