วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯสั่งกวดขันตรวจสอบกลุ่มขบวนการทุนจีนบริษัททัวร์ผิดกฎหมาย ห่วงไฟไหม้โกดังสารเคมีระยอง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯสั่งกวดขันตรวจสอบกลุ่มขบวนการทุนจีนบริษัททัวร์ผิดกฎหมาย ห่วงไฟไหม้โกดังสารเคมีระยอง


นายกฯสั่งกวดขันตรวจสอบกลุ่มขบวนการทุนจีนบริษัททัวร์ผิดกฎหมาย ห่วงไฟไหม้โกดังสารเคมีระยอง สั่งระดมทุกหน่วยเร่งช่วยเหลือลดผลกระทบ หากจงใจทำผิดต้องถูกลงโทษ


วันที่ 23 เม.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงปีนี้การท่องเที่ยวไทยค่อนข้างที่จะโต แต่ได้มีการสืบมาว่ามีกลุ่มขบวน ทุนจีนราคาถูก บุกเข้ามาในตลาดทั่วประเทศไทย รัฐบาลจะมีการตรวจสอบและสกัดกลุ่มดังกล่าวอย่างไรว่า เรื่องนี้มีการตรวจสอบอย่างดี ได้ยินมา รวมถึงชาวต่างประเทศที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทำธุรกิจที่ไม่เหมาะสม เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ตนได้ไปพูดคุยกับท่านกงสุลกิตติมศักดิ์ที่จ.ภูเก็ต ได้เน้นย้ำให้ทำถูกต้องตามกฎหมาย โดยร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตำรวจท่องเที่ยว เร่งตรวจสอบบริษัททัวร์ที่ทำผิดกฎหมาย และจะนำมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป แต่อย่างไรก็ตามยังมีบริษัททัวร์อีกมากที่ทำตามกฎหมาย เลยไม่อยากให้กระทบภาพรวมของคนไทย ซึ่งตรงนี้แน่นอน นักท่องเที่ยวมาก็ต้องกิน ต้องใช้ ต้องอยู่ โรงแรมของคนไทยก็มีเยอะ แน่นอนอาจมี 1-2 เปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องมากวดขัน เพื่อให้ชัวร์ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย


ส่วนกรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นั้น นายกฯ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้หน่วยงานต่างๆระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมไปดำเนินการ และกำชับให้หาสาเหตุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร หากเป็นเหตุที่มีความจงใจให้เกิดขึ้น ก็ต้องดำเนินการตามกฏหมายต่อไป แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน คือการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และเร่งจัดการกับสารเคมีที่ตกค้าง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยมอบหมายให้น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ไปวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา รวมถึงมีอำนาจกำกับดูแลการกำจัดกากของเสียจากภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นความจงใจที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ยังไม่ทราบ ต้องคอยฟังรายงานก่อน


นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมครม.ยังได้สั่งการกระทรวงยุติธรรมจัดกิจกรรมการแสดงพลังทำความดี ของกลุ่มผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ และผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเป็นลักษณะงานบริการสาธารณะ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อชดเชยความเสียหายที่เคยได้กระทำกลับคืนสู่สังคม โดยประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้กลุ่มผู้ต้องขังดังกล่าวร่วมดำเนินกิจกรรม เช่น กิจกรรมการปลูกป่า การเก็บขยะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลและการขุดลอกคูคลอง และท่อระบายน้ำ เป็นต้น


นายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม รวมถึงการดำเนินชีวิตของประชาชนในบริเวณชายแดน ดังนั้นตนในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงออกคำสั่งสมช.แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ บริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน ซึ่งเป็นกลไกในการติดตามประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ ในภาพรวม รวมถึงให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อสมช. นายกฯและครม. เพื่อให้ประเทศไทยสามารถดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุกที่จำเป็น


ที่ประชุมครม.ยังได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในกรอบความตกลงรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังคลาเทศ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางประเภทข้าราชการ รวมถึงครม.ยังเห็นชอบในร่างหนังสือแสดงเจตจำนง ที่จะเริ่มเจรจาทำการตกลงการค้าเสรีกับประเทศบังคลาเทศตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ รวมทั้งเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอยกเว้นการตรวจลงตรา เพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซียเป็นกรณีพิเศษ และเป็นการชั่วคราว โดยให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img