‘บิ๊กโจ๊ก’ ยันลูกน้องไม่ได้ปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงาน และไม่ตามหาคนทำ หากใครทำก็รับกรรมไป ส่วนฟ้อง ‘บิ๊กต่าย’ กำลังรวบรวมเอกสารคาดใช้เวลา 2 สัปดาห์ ยอมรับคิดเรื่องสมัคร สว.
เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว คนที่ปลดป้ายชื่อของบิ๊กโจ๊ก ออกจากหน้าห้องทำงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นลูกน้องของตน ว่า ยืนยันว่าลูกน้องไม่ได้ปลดป้ายหน้าห้องทำงานและชื่อในเว็บไซต์ แน่นอน เพราะเมื่อตนทราบคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อวันพฤหัสที่ 18 เมษายน และในวันที่ 19 เมษายน ตนก็ให้ลูกน้องเข้าไปเก็บของในห้องทำงาน เช่น เอกสารส่วนตัว พระพุทธรูป รวมถึงคืนรถประจำตำแหน่งทันที เพราะตนเป็นคนมีวินัย ทั้งที่จะไม่คืนก็ได้ เพราะยังมีสถานะเป็นรอง ผบ.ตร.อยู่
ส่วนจะตามหาคนปลดป้ายชื่อหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ตามหา ใครทำก็รับไป แต่เราทำไปตามกรอบของกฎหมาย อะไรทำผิดกฎหมายก็ต้องว่าไป วันนี้ทุกคนอาจจะบอกว่าตัวเองทำถูก แต่คนตัดสินคือศาล
เมื่อถามว่ากรณีบอกกับสื่อมวลชนว่าจะไปยื่นฟ้อง พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีเซ็นคำสั่งให้ตนออกจากราชการโดยมิชอบนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนขอรวบรวมเอกสารก่อน ใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า มีประชาชนหลายคนอยากให้ตัวเองลงสมัครเป็นผู้แทนประชาชน ซึ่งตนขอดูรายละเอียดก่อนเพราะช่วงนี้ก็ว่าง และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ทำประโยชน์เพื่อประชาชนเพราะตนยังแข็งแรงอยู่ ยังมีพลัง และมีความคิดสร้างสรรค์ ก็อยากใช้พลังทำงานให้ประชาชน อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการที่ให้ตนออกจากราชการไว้ก่อนนั้น มีสิ่งเสียดายอยู่ เพราะยังมีภารกิจอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำในงานที่รับผิดชอบ ทั้งหนี้นอกระบบ การปราบปรามยาเสพติด หรือค้ามนุษย์ งานส่วนนั้นต้องชะงักไป ยืนยันว่าตนไม่อยากได้อำนาจ แต่อยากกลับไปเพื่อทำงานให้พี่น้องประชาชน
ส่วนคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดของ พลตำรวจเอกสราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร.ในฐานะประธานกรรมการ ในวันพรุ่งนี้ (29 เมษายน) จะมีการเรียกประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการสอบสวนบิ๊กโจ๊กพร้อมพวก 5 คน เป็นครั้งแรก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าไม่ได้หนักใจ ให้ตามหน้าที่ไป และตนก็ได้ทำหนังสือคัดค้านกรณีคณะกรรมการบางท่านที่เป็นคู่ขัดแย้ง และตนเชื่อมั่นในการทำงานของพลตำรวจเอกสราวุฒิ
