วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2024
หน้าแรกHighlight“นายกฯ”กำชับจนท.ดูแลทรัพย์สินปชช.ที่ถูกน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นายกฯ”กำชับจนท.ดูแลทรัพย์สินปชช.ที่ถูกน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด

“นายกฯ” ห่วงทรัพย์สินประชาชนผู้ประสบอุทกภัย กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจตราใกล้ชิด เตือนมิจฉาชีฉวยโอกาสลักทรัพย์ซ้ำเติมความเดือดร้อน โทษหนักกว่าปกติ คุก 5 ปี-ปรับ 1แสนบาท ยันบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด

วันที่ 9 ต.ค.65 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม น้ำป่าไหลหลากและน้ำทะเลหนุน และเนื่องจากบางพื้นที่ต้องอพยพประชาชนไปพักที่ศูนย์อพยพต่างๆที่ทางราชการจัดไว้ ทำให้ประชาชนต้องทิ้งที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัยในชีวิต นายกรัฐมนตรี ยังห่วงใยทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมั่นตรวจตราดูแลอย่างเข้มข้น

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จึงฝากเตือนมิจฉาชีพอย่าฉวยโอกาสลักทรัพย์หรือขโมยตามบ้านเรือนผู้ประสบภัย กรณีนี้ผู้กระทำจะได้รับโทษหนักกว่าปกติเพราะถือว่าเป็นการไปซ้ำเติมผู้ที่กำลังเดือดร้อน โดยจะได้รับโทษ ตามมาตรา 335 (2) ที่กำหนดว่า ผู้ใดลักทรัพย์ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟ หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท แม้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จะจัดกำลังออกตรวจอย่างเข้มงวดกวดขัน แต่ก็ยังพบผู้ที่ไม่มีจิตสำนึก ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ที่ทุกข์ยากเช่นนี้ หากพบการกระทำเช่นนี้รัฐบาลยืนยันจะให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาลโดยพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ห่วงทรัพย์สินในบ้าน แม้จะมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือบางส่วน แต่ทรัพย์สินบางอย่างมีค่าต่อจิตใจ ในเบื้องต้นนั้นหากเป็นไปได้ขอให้ตรวจตราความแน่นหนาของประตู หน้าต่าง ตรวจอุปกรณ์ไฟฟ้าและตัดกระแสไฟฟ้า เก็บทรัพย์สินและของมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งนี้รัฐบาลได้ประสานและกำชับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องและจะเข้มข้นขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หรือพบสิ่งใดผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือโทรแจ้งหมายเลข 191 สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายได้ทันที

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img