วันอาทิตย์, พฤษภาคม 12, 2024
หน้าแรกNEWS“ไชยา”ยันห้องที่ไฟไหม้ในกษ. ไม่มีเอกสารสำคัญ ไม่อยากให้โยงการเมือง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ไชยา”ยันห้องที่ไฟไหม้ในกษ. ไม่มีเอกสารสำคัญ ไม่อยากให้โยงการเมือง

“ไชยา”ยันห้องที่ไฟไหม้ก.เกษตรฯ ไม่มีเอกสารสำคัญใดๆ ไม่อยากให้เชื่อมโยงประเด็นการเมือง และไม่เคยพบ 2 คู่หู “เจ๋ง-ศรีสุวรรณ”สามารถดูกล้องวงจรปิดได้

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 4 ก.พ.67 ที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมช.) เดินทางมาติดตามกรณีเหตุเพลิงไหม้ภายในกระทรวงเกษตรฯ พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า ตนเพิ่งทราบข่าวและเพิ่งลงเครื่องมาจากต่างจังหวัด ตนจะเข้าไปดูห้องที่เกิดความเสียหาย แต่ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังไม่อนุญาตให้เข้า แต่จากที่ได้รับรายงานความเสียหายเกิดขึ้นที่ห้องครัว และลามไปห้องคณะทำงาน และห้องประชุม เสียหายเยอะที่สุดคือห้องครัว โดยตนยืนยันว่าไม่มีเอกสารสำคัญใดๆ ตามที่มีข่าวลือว่าทำลายหลักฐานนั้นไม่เป็นความจริง รวมถึงไม่อยากให้ไปเชื่อมโยงประเด็นการเมืองด้วย

ทั้งนี้ตนยืนยันว่าห้องดังกล่าวไม่มีเอกสารสำคัญใด ยิ่ง ยุคปัจจุบันเอกสารสำคัญไปอยู่ในคราวน์ หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หมดแล้ว แม้เอกสารเรื่องสืบสวนสอบสวนที่ได้รับคำตอบแล้ว ตนเก็บสำนวนไว้ทั้งหมด ไม่เคยเก็บไว้ที่ทำงาน ถ้าอ้างว่าเป็นเผาทำลายหลักฐานก็ไร้ประโยชน์ แต่มีเพียงเอกสารการไปเปิดงานแบบรูทีนธรรมดา ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดภายในห้อง ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ตรวจสอบ

ส่วนกรณีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เพลิงไหม้ในครั้งนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของนายเจ๋ง ดอกจิก และนายศรีสุวรรณ จรรยา ว่าเป็นการเผาทำลายหลักฐานหรือไม่นั้น นายไชยา กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากตน ไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกรมการข้าว จึงไม่อยากให้นำไปโยงเกี่ยวกับการเมือง และยืนยันว่าเจ๋งดอกจิกและศรีสุวรรณจรรยาไม่เคยมาพบตน สามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดได้ ส่วนประเด็นที่นายศรีสุวรรณ มายื่นร้องให้ตรวจสอบให้ตรวจสอบ T O R ในการจัดซื้อเครื่องบินฝนหลวงในการจัดซื้อเครื่องบินฝนหลวง 2 ลำว่ามีการล็อคสเปคเครื่องยนต์หรือไม่ ในประเด็นนี้ในทางปฏิบัติตนได้รับการมอบหมายให้กำกับ ดูแลในส่วนบริหาร และนโยบาย ไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณแต่อย่างใด

ส่วนการร้องเรียนมีผู้ร้องด้วยกัน 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือนายศรีสุวรรณ ได้ไปยื่นที่รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยตรง ซึ่งมีที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเป็นผู้รับเรื่อง และอีกส่วนเป็นการร้องมาจากบุคคลภายนอก อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรและตามระเบียบของราชการ จากการตรวจสอบ เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้องชี้แจงเนื่องจากผู้ร้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ทางด้านนี้ ตนจึงได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีปลัดกระทรวงเป็นประธาน ก่อนจะบันทึกข้อเท็จจริง นำยื่นต่อรัฐมนตรีฯ

ตั้งแต่มาทำงานในช่วงระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา มีการปราบปรามหมู เนื้อ และ ตีนไก่เถื่อน ตนก็พอจะรู้มาบ้างว่าจะต้องเจอกับอะไร แต่ตนเป็นหมู่ไม่กลัวน้ำร้อน ใครก็ทำอะไรตนไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว และหากข้าราชการคนใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดที่เกิดขึ้น ก็จะต้องดำเนินคดี ไม่มีข้อยกเว้น  

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img