วันเสาร์, พฤษภาคม 11, 2024
หน้าแรกNEWS“พัชรวาท” โผล่ตอบกระทู้สว.ยันให้เอกชนปลูกป่าชายเลนเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พัชรวาท” โผล่ตอบกระทู้สว.ยันให้เอกชนปลูกป่าชายเลนเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล

“พัชรวาท” โผล่ตอบกระทู้สว.ปมเปิดให้เอกชนปลูกป่าชายเลน ยันเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ชี้มีการประเมินผลดี -ผลเสีย-ประโยชน์ชาติ เชื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชนได้

วันที่ 4 มี.ค.2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ เรื่องการจัดสรรพื้นที่ป่าชายเลนให้เอกชนปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ของนพ.อำพล จินดาวัฒนะ สว.ถามพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า การเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจได้เข้าไปรับประโยชน์เต็มๆจากการปลูกป่าชายเลนและรับประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตในระยะยาว แต่ชุมชนได้เพียงส่วนประกอบเล็กๆน้อยเท่านั้นใช่หรือไม่ ทั้งนี้พบว่ากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้มีการประกาศพื้นที่เข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อรับประโยชน์คาร์บอนเครดิตสำหรับบุคคลภายนอกปี 2566 อีก15,000 ไร่ 35 บริษัทและองค์กร

นพ.อำพล กล่าวต่อว่า จึงอยากถามว่าโครงการดังกล่าวเป็นมาอย่างไร มีหลักการและเหตุผลอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ และเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือบุคคลภายนอกเข้าไปใช้พื้นที่สาธารณะหาประโยชน์ทางธุรกิจมากว่าให้โอกาสชุมชนได้ร่วมพัฒนาดูแลประโยชน์หรือไม่ และรัฐบาลยังคงดำเนินโครงการลักษณะนี้ต่อไปหรือไม่เพราะทราบว่ามีแผน 10ปี และรัฐบาลมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมความเข้มแข็งชุมชนในการให้ชุมชนเป็นเจ้าภาพทำโครงการนี้โดยไม่ต้องผ่านเอกชน

พล.ต.อ.พัชรวาท ชี้เจงว่า ที่มาของโครงการปลูกป่าชายเลนฯเนื่องจากประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่26 หรือคอป 26 และต่อมาคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงทรัพย์ฯ ทำโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคอร์บอนเครดิตโดยมีหลักเกณฑ์ว่าพื้นที่ป่าชายเลนยังคงเป็นของรัฐ และกรมทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นเจ้าของโครงการ ควบคุมดูแลและติดตามประเมิณผลโครงการไม่ใช่เป็นการอนุญาตสัมปทาน โดยทาง กรมฯดำเนินการปลูกป่าชายเลนฯเมื่อปี 65 เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนและแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ เพิ่มความหลากหลายของระบบนิเวศน์ทางทะเลและชายฝั่ง ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนและเอกชนมีส่วนร่วม

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การดำเนินโครงการฯมีการประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีทั้งเอกชน องค์กร และมูลนิธิ รวม14 ราย โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ ทั้งนี้โครงการฯยังคงเป็นพื้นที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลฯ และชุมชนยังสามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่โครงการได้ ผู้เข้าร่วมโครงการฯจะได้รับเพียงสัดส่วนการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตตามระเบียบที่กรมทรัพยากรทางทะเลฯกำหนดเท่านั้น การดำเนินโครงการฯ ไม่ใช่อนุญาตให้เอกชนมาดำเนินการในลักษณะการให้สัมปทานป่าไม้ เป็นเพียงให้ร่วมดำเนินโครงการฯเท่านั้น ชุมชนยังสามารถใช้ประโยชน์จับสัตว์น้ำ หาของป่า ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ กิจกรรมสาธารณะประโยชน์ภายในชุมชน และวิถีชีวิตได้อย่างปกติ โดยต้องเป็นไปอย่างสมดุลไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

“ทางกระทรวงทรัพย์ฯยังมีการดำเนินโครงการนี้ต่อไปตามนโยบายรัฐบาล แต่จะติดตามประเมิณผลการดำเนินโครงการเพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาผลดีผลเสีย ความคุ้มค่า และประโยชน์ของชาติและประชาขนที่จะได้รับเป็นสำคัญ หากโครงการใดไม่ดำเนินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงฯจะยกเลิกโครงการต่อไป ทั้งนี้มาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชนในการพัฒนาป่าชายเลนนั้นทางกระทรวงฯ ให้กรมทรัพยากรทางทะเลฯ ลงทะเบียนเป็นกลุ่มชุมชนชายฝั่ง และให้ชุมชนช่วยดูแลพื้นที่ในรูปแบบป่าชายเลนชุมชน ตามกฎหมายกรมทรัพยากรทางทะเลฯ”รมว.ทส. กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img