“จิรายุ” ตั้งกระทู้บี้ปมวาดาแบนไทยใช้ธงชาติไทย “พิพัฒน์” จ่อนำเข้าครม.28 ธ.ค. แก้กฎวาดา ยังไม่ฟันธงออกเป็น พ.ร.ก.-พ.ร.บ. จ่อดันเข้าสภาม.ค.65 วอนส.ส.สนับสนุน เตรียมเจรจาปลดล็อคแบนไทย
วันที่ 23 ธ.ค.64 มีการประชุมสภาฯ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้สดขอคลายล็อคงนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เรื่องกรณีที่องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาดา) ห้ามประเทศไทยใช้ธงชาติไทยในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ 1 ปี ถามนายกฯว่า กรณีที่วาดาแบนใช้ธงชาติไทยเป็นเรื่องหน้าอาย และรัฐบาลควรเร่งดำเนินการ เพราะเรื่องที่สาระน้อยกว่านี้รัฐบาลยังเสนอเข้าสภาได้ อีกทั้งมีเสียงข้างมากในสภาฯ ทำไมไม่ทำ ที่ผ่านมาวาดาเคยเตือนมาหลายครั้ง คล้ายกับเวียนรอบเมรุ จวนจะเข้าเตาเผา ตนสงสัยที่อ้างถึงอธิปไตยทำไม ทั้งที่วาดาไม่ได้จะยึดทำเนียบรัฐบาลเพื่อปลูกข้าว แต่คือการออกกติกาเพื่อใช้ร่วมกัน
“ผมไม่อยากตำหนิ แต่ขอเตือน ครม. ให้ทำวาระเร่งด่วน ร่าง พ.ร.บ. ร่วมลงชื่อแก้ไข ไม่ใช่ผิดพลาด กล่าวโทษ แต่ไม่แก้ไข ขอให้บอก ม.ค.บรรจุวาระพิเศษจะมาตั้งแต่ 04.00 น. เพื่อนั่งรอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นน่าอาย บอกว่าจะทำธงชาติ ติดที่แถบข้างกางเกง ติดที่หมวก หากท่านพูดแบบนั้น ผมเองสามารถนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีแทนก็ได้” นายจิรายุ ซักถาม
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงแทนนายกฯว่า วันที่ 28 ธ.ค.64 ตนจะนำเรื่องดังกล่าวให้ครม.พิจารณาถึงผลการเจรจากับวาดา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสำนักงานกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผลการเจรจาเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย และวาดาตอบรับการแก้ไข แล้ว และหลัง 28 ธ.ค.ครม.มีมติอย่างไร ตนจะแจ้งให้สภาฯทราบ และคาดว่าหลังจากนั้นต้องส่งให้ สภาฯ พิจารณา ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่า จะออกเป็น พระราชกำหนด หรือ พระราชบัญญัติและตนขอให้ประธานสภาฯ รีบบรรจุวาระ พิจารณาตามลำดับและขอให้ ส.ส.สนับสนุนในวาระแรก วาระสองและวาระสามด้วย เพื่อให้สามารถออกเป็นกฎหมายได้ภายในเดือนม.ค.65 และไม่ว่า ออกเป็น พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ.แล้ว หน่วยงานไทยจะเร่งหารือปลดล็อคโทษแบน เพื่อให้ทีมชาติไทยสามารถใช้ธงชาติไทยให้ทันแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่ประเทศจีนได้
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2562 วาดาเคยท้วงติงการทำงานของไทยมาต่อเนื่องและได้แก้ไขเป็นไปโดยลำดับ และล่าสุดที่เป็นเหตุให้วาดาแบนไทย เพราะก่อนหน้านั้นไม่สามารถยอมได้ เพราะมีประเด็นที่เกี่ยวกับอธิปไตยของประเทศไทย โดยใช้อำนาจเข้าไปตรวจโดยไม่แจ้งให้นักกีฬา สมาคมรับทราบในสถานที่ใดก็ได้ยามวิกาล ทั้งนี้ในประเทศไทย หากจะเข้าไปตรวจใครในยามวิกาลต้องขอหมายศาล ดังนั้นจึงท้วงติง เพราะรับไม่ได้ เนื่องจากกระทบสิทธิส่วนบุคคล
“ประเทศไทยเป็นรัฎฐาธิปัตย์ วาดาเป็นองค์กรเอกชน ที่กดดันให้ทำตามสิ่งที่ต้องการ โดยเฉพาะการออกกฎให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสารกระตุ้นกับนักกีฬาในสถานที่ใดก็ได้ และยามวิกาล ซึ่งผมและเชื่อว่าคนไทยทั้งชาติ ไม่ยอมรับหรืออยู่ใต้อาณัติใคร”นายพิพัฒน์ กล่าว
