วันศุกร์, พฤศจิกายน 29, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“รสนา”ฉะ“บิ๊กตู่”สมุทัยค่าไฟแพงเกิดจากรัฐบาล ถามจะมีดวงตาเห็นธรรมดับทุกข์ปชช.หรือไม่
- Advertisment -spot_imgspot_img

“รสนา”ฉะ“บิ๊กตู่”สมุทัยค่าไฟแพงเกิดจากรัฐบาล ถามจะมีดวงตาเห็นธรรมดับทุกข์ปชช.หรือไม่

รสนา”จวกนายกฯ”ลุงตู่”สมุทัยค่าไฟแพงเกิดจากรัฐบาล ถามจะมีดวงตาเห็นธรรมดับทุกข์ประชาชนหรือไม่ แต่ถ้าแค่พูดธรรมะประชดแมวเท่ๆโดยไม่แก้ไขปัญหาโครงสร้างค่าไฟฟ้าแพง ท่านนายกฯก็ควรพิจารณาตัวเองว่าสมควรอยู่ต่อเกิน 8 ปีหรือไม่

วันที่ 19 ส.ค.65 นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า สมุทัยค่าไฟแพงเกิดจากรัฐบาล

ส่วนนิโรธคือการดับทุกข์ของประชาชนก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะมี ดวงตาเห็นธรรมเร่งแก้ไขหรือไม่!?

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาพูดถึงสมุทัยหรือสาเหตุของค่าไฟแพง และไล่ให้นักข่าวไปศึกษาธรรมะว่าด้วยอริยสัจ4 ของค่าไฟแพง ที่จริงนายกฯมีหน้าที่หาสมุทัยของค่าไฟแพง และมีมรรควิธีหรือมีเครื่องมือในการแก้ทุกข์ชาวบ้านอยู่แล้วไม่ใช่แค่พูดปริศนาธรรมให้ชาวบ้านฟังโดยไร้การแก้ปัญหา

ขอขยายความเรื่องทุกข์ สมุทัย ของค่าไฟแพง และขอเสนอมรรคให้นายกฯแก้ปัญหาค่าไฟแพง เพื่อให้เกิดนิโรธแก่ชาวบ้านคือหยุดค่าไฟแพง

ราคาค่าไฟมาจากค่าใช้จ่ายหลักๆ2ส่วนคือค่าไฟฐาน (ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้า และค่าก่อสร้างสายส่ง) และค่าเอฟทีหรือค่าไฟฟ้าผันแปร

ค่าเอฟที มาจากค่าใช้จ่าย 3ส่วน คือ
1. ค่าซื้อเชื้อเพลิง (ก๊าซเป็นหลัก)
2.ค่าซื้อไฟ (จากโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่(IPP)และขนาดเล็ก(SPP)ขนาดจิ๋ว (VSPP)และไฟฟ้าจากลาว)
3.นโยบายภาครัฐ
อริยสัจ4 ของค่าไฟ

1)“ทุกข์ “ ของประชาชน คือค่าไฟแพงขึ้น เมื่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ประกาศขึ้นค่าเอฟที เดือน กันยายน- ธันวาคม 2565 ประมาณ 70 สต./หน่วย ทำให้ค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นเป็น 93.43สต./หน่วย เมื่อบวกกับค่าไฟเดิมที่ 3.79บาท/หน่วย ค่าไฟในเดือนกันยายน จะเพิ่มเป็น 4.72บาท/หน่วย

การเพิ่มค่าเอฟที 1 สต./หน่วย เท่ากับเพิ่มรายจ่ายประชาชน 2,000 ล้านบาท/ปี การเพิ่มค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม นี้เท่ากับเพิ่มภาระรายจ่ายให้ประชาชน 140,000 ล้านบาท/ปี ค่าไฟที่ประชาชนทั้งประเทศจ่ายอยู่ปัจจุบันนี้ประมาณ 670,000 ล้านบาท/ปี ก็จะขยับขึ้นเป็น 810,000 ล้านบาท/ปี นี่คือความทุกข์ของประชาชน

ปริมาณไฟฟ้าที่รัฐบาลกำหนดไว้ในแผนพัฒนาพลังงาน (PDP) ในปัจจุบันเกินความต้องการใช้ถึง53-54% ตามปกติแผนการสำรองไฟฟ้าตามมาตรฐานทั่วโลกและของไทยเขาขีดเส้นไว้ที่ 15-20% แต่ขณะนี้ปริมาณไฟฟ้าประเทศไทยล้นเกินมาตรฐานไปเกือบ40% แต่รัฐบาลก็ยังไม่หยุดทำสัญญาซื้อไฟจากเอกชน และซื้อไฟจากลาว ค่าซื้อไฟฟ้าที่ล้นเกินมหาศาลนี้ก็คือเงินที่ล้วงจากกระเป๋าของประชาชนโดยตรงในบิลค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นอย่างไม่ยุติธรรมกับประชาชนที่ต้องเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง

2)“สมุทัย” สาเหตุของไฟฟ้าแพงมาจาก

2.1 )ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงไฟฟ้า ซึ่งมาจาก 3 แหล่งคือก๊าซในอ่าวไทยบ้านเราเองที่มีราคาถูกที่สุด ก๊าซจากพม่า และ LNG นำเข้าที่มีราคาแพงที่สุด ถูกเอามาถ่วงน้ำหนักเพื่อให้มีราคาเฉลี่ยที่ถูกลง เรียกว่า Pool Gas

แต่ได้รับทราบว่า นายกฯลุงตู่สั่งการไปทางกกพ.ว่า ก๊าซจากอ่าวไทยที่มีคุณภาพดีให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ก่อน ใช่หรือไม่?(กกพ.ยังไม่ได้ให้เอกสารการสั่งการของนายกฯตามที่อนุกรรมการของสภาองค์กรผู้บริโภคขอไป) อุตสาหกรรมปิโตรเคมีไม่ได้ซื้อก๊าซในราคา Pool Gas แต่ซื้อก๊าซด้วยราคาในประเทศ ใช่หรือไม่

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ก๊าซอ่าวไทยที่มีคุณภาพดีที่นักวิชาการฝ่ายทุนพลังงานอุปมาว่าเป็นไม้สัก ไม่ควรเอาไปเป็นเชื้อเพลิง เหมือนเอาไม้สักไปทำฟืน ควรเอาก๊าซอ่าวไทยให้ปิโตรเคมีใช้ทำเฟอร์นิเจอร์จะดีกว่า เพราะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าเอาไปเป็นเชื้อเพลิง แต่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ซื้อไม้สัก(ก๊าซในอ่าวไทย)ในราคาถูกเหมือนซื้อไม้ฉำฉามาทำเฟอร์นิเจอร์ และผลักให้ประชาชนต้องจ่ายเงินซื้อไม้ฉำฉา(LNG) ในราคาไม้สักมาทำฟืนในโรงไฟฟ้ากฟผ.ใช่หรือไม่

นี่คือหนึ่งในสมุทัย หรือสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟแพง เพราะถูกกำหนดให้การผลิตไฟฟ้าต้องใช้ก๊าซนำเข้าราคาแพงที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไว้

ท่านนายกฯจะรู้ไหมว่าตัวเองเป็นต้นเหตุและเป็นตัวสมุทัยที่ทำให้ค่าไฟแพง!?!

2.2) สัญญาซื้อไฟจากเอกชนแพง และล้นเกิน สัญญาซื้อไฟแบบ Take or Pay คือการประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าเอกชน ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้เอกชน ค่าความพร้อมจ่ายที่ต้องจ่ายให้โรงไฟฟ้าเอกชนไม่ว่าผลิตหรือไม่คือประมาณ 25%

เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 โรงไฟฟ้า IPP 6 โรงจาก 12 โรง ที่ไม่ได้เดินเครื่องเลยแต่ได้เงินจากกระเป๋าประชาชนไปแล้ว ประมาณ 7,000 ล้านบาท และในปีที่ผ่านๆมา เคยจ่ายค่าความพร้อมจ่ายไปถึง 29,000 ล้านบาท ที่กล่าวกันว่าธุรกิจมีความเสี่ยง แต่เหตุใด ธุรกิจผลิตไฟของเอกชนจึงไม่มีความเสี่ยงเลย !?

เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่ ที่นักการเมืองหลายคนอยากมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เพราะสามารถเซ็นซื้อไฟตามแผน PDP โดยไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องรับผิดชอบว่าไฟล้นเกินไปเท่าไหร่แล้ว ใช่หรือไม่?!

ถ้าหากวงจรที่นักการเมืองทำสัญญาซื้อไฟเอกชนได้ในราคาแพง (โดยได้ค่าคอมมิชชั่นตามคำร่ำลือว่าเมกกะวัตต์ละล้านใช่หรือไม่) และสามารถทำสัญญาซื้อไฟไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจไฟฟ้าล้นเกิน กฟผ.ก็ต้องรับซื้อไฟตามนโยบายรัฐบาลในราคาแพงกว่าที่กฟผ.ขายต่อให้กฟน. (กรุงเทพฯ) และกฟภ. (ต่างจังหวัด) เมื่อกฟผ. รับภาระซื้อไฟแพง ก็สามารถผลักภาระเหล่านั้นไว้ในค่าเอฟทีมาให้ประชาชนทั้งประเทศแบกรับได้ เราควรเรียกวงจรแบบนี้ว่าเป็นวงจรการบริหารกิจการรัฐที่ดีหรือไม่ หรือควรจะตั้งคำถามว่า มันเป็นวงจรอุบาทว์แห่งการทุจริต ใช่หรือไม่

เหตุใดนักการเมืองไม่สนับสนุนให้กฟผ. ผลิตไฟให้มากขึ้น ทั้งที่กฟผ.ผลิตไฟฟ้าได้ราคาต่อหน่วยถูกกว่าเอกชน จึงมีคำถามว่า เป็นความพยายามล้วงไส้กฟผ.เพราะไม่สามารถแปรรูป กฟผ.ได้สำเร็จ ใช่หรือไม่ จึงใช้วิธีผ่องถ่ายกำไรให้เอกชนด้วยสัญญาซื้อไฟโดยนักการเมืองได้คอมมิชชั่นจากสัญญาซื้อไฟฟ้าเอกชนด้วย ใช่หรือไม่

ปัจจุบัน กฟผ.ผลิตไฟลดลงเรื่อยๆ จนเหลือแค่ 28.7% ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนเรื่องการผลิตไฟของกฟผ.ต่ำกว่า 50% ว่าขัดรัฐธรรมนูญ 2560 ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า “โครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐอันจําเป็นต่อการ ดํารงชีวิตของประชาชนหรือเพื่อความมั่นคงของรัฐ รัฐจะกระทําด้วยประการใดให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของเอกชนหรือทําให้รัฐเป็นเจ้าของน้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดมิได้” แต่ขณะนี้การปล่อยให้เอกชนผลิตไฟฟ้าและการซื้อไฟจากต่างประเทศรวมกันมากกว่า 66% ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และให้รัฐบาลแก้ไข แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สนใจแก้ไข ใช่หรือไม่

3) นิโรธ คือการแก้ปัญหาค่าไฟแพง ซึ่งจะทำได้ต้องอาศัยอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่ก่อนอื่นท่านต้องเข้าใจสมุทัยเหตุแห่งทุกข์ของค่าไฟแพงที่ท่านก่อขึ้น จึงจะมีดวงตาเห็นธรรมแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดตามอำนาจหน้าที่เพื่อบำบัดทุกข์ สร้างสุขให้ประชาชนถ้วนหน้า

4)มรรคในการแก้ปัญหาค่าไฟแพง

ขอเสนอท่านนายกฯ ดังนี้

4.1)เปลี่ยนกติกาที่เคยอุ้มทุนพลังงาน โดยต้องกลับไปหากติกาเดิมที่กำหนดให้ก๊าซที่ผลิตได้ในประเทศที่มีราคาถูก ต้องจัดสรรให้ประชาชนใช้ก่อนทั้งก๊าซหุงต้มในครัวเรือนและก๊าซในโรงไฟฟ้าของกฟผ. ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีควรรับผิดชอบในการนำเข้าก๊าซที่จะผลิตเม็ดพลาสติกในราคาตลาดโลกแทน เพราะเป็นธุรกิจเอกชนซึ่งที่ผ่านมา นอกจากซื้อก๊าซในราคาถูกแล้วยังไม่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตและเงินเข้ากองทุนน้ำมัน

4.2)รัฐบาลเจรจากับโรงไฟฟ้าเอกชนที่ไม่ได้ผลิตไฟให้ลดค่าความพร้อมจ่ายลงให้มากที่สุด

4.3)บริหารการผลิตไฟ โดยใช้ไฟที่ผลิตขายในราคาต่อหน่วยถูกที่สุด เพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชน

4.4)ส่งเสริมประชาชนผลิตไฟฟ้าจากโซล่ารูฟอย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลให้ประชาชนสามารถใช้ระบบหักลบกลบหน่วยค่าไฟ (net metering)

4.5)ปรับแผน PDP ยุติการทำสัญญาซื้อไฟเพิ่ม ทั้งจากโรงไฟฟ้าเอกชน และ ไฟฟ้าจากลาว และโรงไฟฟ้าที่ยังไม่เข้าระบบ ควรชะลอไว้ก่อน และควรยกเลิกสัญญาTake or Pay สำหรับการทำสัญญาซื้อไฟในอนาคต และต้องกำกับมาตรการสำรองไฟฟ้าไว้ไม่เกิน 15-20%

ถ้านายกฯ ทำได้เช่นนี้จะถือว่าเข้าใจในหลักอริยสัจ4 และเป็นผู้แก้ทุกข์ให้ชาวบ้านได้ แต่ถ้าแค่พูดธรรมะประชดแมวเท่ๆโดยไม่แก้ไขปัญหาโครงสร้างค่าไฟฟ้าแพง ท่านนายกฯก็ควรพิจารณาตัวเองว่าสมควรอยู่ต่อเกิน8ปีหรือไม่เพราะท่านเคยขอเวลาอีกไม่นาน จะคืนความสุขให้กับคนไทย แต่ผลเชิงประจักษ์ คือ ท่านคืนความสุขให้ประชาชนหรือให้กลุ่มทุนพลังงานกันแน่

เพราะตลอด 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนได้มาแต่ความสุกจนไหม้เกรียมจากราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้า

ที่แพงขึ้นเรื่อยๆจนประชาชนอาจจะแบกรับไม่ไหว กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐ

รสนา โตสิตระกูล
18 สิงหาคม 2565

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img