วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ผู้ว่าฯซีอีโอ”ในกำมือ“รัฐบาลเพื่อไทย” 
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ผู้ว่าฯซีอีโอ”ในกำมือ“รัฐบาลเพื่อไทย” 

ครม.สัญจรครั้งที่ 1 รัฐบาลเพื่อไทยมาเร็วกว่าที่คิด ประเดิมที่โรงแรมณัฐพงษ์ แกรนด์ จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทยมายาวนาน หวังปลุกกระแสเพื่อไทยในภาคอีสานให้คุโชนอีกครั้ง 

หนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุด ครม.ไฟเขียวคือ ยุทธศาสตร์จัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 2568 โดยที่ประชุมส่งสัญญาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ การสร้างความสามัคคีปรองดอง 

จัดสรรงบฯให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลยุทธศาสตร์ชาติ ตามแผนแม่บทปี 66-80 เพื่อสนับสนุน “การขยายตัวของเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ ขยายโอกาส ดูแลคุณภาพชีวิต และความมั่นคง เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการภาครัฐ” 

ผ่าน 6 ยุทธศาสตร์ชาติ ไล่ตั้งแต่ด้านความมั่นคง ด้านสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้านพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านการปรับสมดุล และพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 

ไล่เลียงดูตามยุทธศาสตร์ ต้องยอมรับว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างรัฐกับประชาชนกับประชาชนที่แตกต่างทางความคิด ศาสนา และอุดมการณ์ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ภายใต้หลักนิติธรรม และบนพื้นฐานสิทธิมนุษยชน 

เพราะเป็นประเด็นเร่งด่วนที่อยู่หัวข้อแรก เหนือประเด็นป้องกันภัยคุกคามข้ามชาติ และเพิ่มความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานทางไซเบอร์ รวมถึงประเด็นสร้างบทบาทประเทศไทยในเวทีโลก กระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน 

ในเมื่อรัฐบาลวางเกมสลายขั้วการเมือง สร้างความปรองดอง ทำไม “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย จุดพลุเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกอบร่างของพรรคก้าวไกล ที่ตั้งแทนเสียบพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ระดับแกนนำพรรคเพื่อเด้งเชือก ตีกรรเชียง ไม่รับลูก 

อ้างรอจังหวะกระแสสังคม แน่นอนที่ถูกจับตามองที่สุดคือ นิรโทษกรรมสุดซอย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ย่อมกระทบต่อจิตใจของมวลชนอีกขึ้วการเมืองหนึ่ง มีโอกาสกลายเป็นชนวนกลับไปสู่วงจรอุบาทว์เหมือนปี 57 อีกครั้ง 

และที่สะดุดตาย้อนแย้งกับการสลายขั้วทางการเมืองมาก คือ ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางสังคม ที่เน้นบริหารในรูปแบบของการกระจายอำนาจ  

โดยปัดฝุ่น “ผู้ว่าฯซีอีโอ” ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเคยใช้ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ที่ถูกมองว่า อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย มีโอกาสร้างเผด็จการรัฐสภาได้อีกครั้ง 

เพราะการเพิ่มอำนาจให้ผู้ว่าฯซีอีโอ สังกัดกระทรวงมหาดไทย เท่ากับทำลายจิตวิญญาณการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ไปตัดความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับประชาชน  

ทุกอย่างวิ่งไปที่ผู้ว่าฯซีอีโอ มีผลต่อการผลักดันนโยบายสาธารณะ กระทบต่อการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน กลายเป็นวิกฤติปัญหาการบริหารที่ไม่ตรงปกตามความต้องการของประชาชน จุดนี้จะกลายเป็นเชื้อปะทุให้วิกฤติความขัดแย้งใหม่ 

ยุคนี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดการบริหารราชการแผ่นดินที่ดี ควรเน้นกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ลดอำนาจจากส่วนกลาง เพื่อให้ประชาชนเลือกผู้บริหารของเขาเข้ามาแก้ปัญหาในท้องถิ่น  

ล่าสุดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด มอบหมายให้นักวิชาการยกร่างรัฐธรรมนูญในหมวดเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น เน้นกระจายอำนาจ มีประชาชนลงชื่อสนับสนุน 1 ล้านคน รอจังหวะเสนอหลังรัฐบาลทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีส.ส.ร.เข้ามายกร่างรัฐธรรมนูญ 

ขอให้ “รัฐบาลเพื่อไทย” ตั้งหลักใหม่ แล้วเลิกปัดฝุ่นผู้ว่าฯซีอีโอ และสนับสนุนการกระจายอำนาจแบบเต็มร้อย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สลายความขัดแย้งในสังคมได้อย่างยั่งยืน

…………………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img