วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2024
หน้าแรกNEWSโฆษกปชป.ปัดข่าวส่งคนเจรจาร่วมรัฐบาล‘กก.-พท.’ ซัด‘วิโรจน์’พูดหยามด้อยค่าคนแพ้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

โฆษกปชป.ปัดข่าวส่งคนเจรจาร่วมรัฐบาล‘กก.-พท.’ ซัด‘วิโรจน์’พูดหยามด้อยค่าคนแพ้

โฆษกปชป.ปัดข่าวส่งคนเจรจาร่วมรัฐบาล‘กก.-พท.’ ซัด‘วิโรจน์’พูดหยามด้อยค่าคนแพ้ ชี้ตอน “วิโรจน์”แพ้ในการเลือกผู้ว่ากทม.ประชาธิปัตย์ไม่เคยทับถมด้อยค่า เพราะถือเป็นมติของประชาชน

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  แถลงว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวสับสนเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ที่จริง เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และยังไม่มีการเรียกประชุม ส.ส.เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว อีกทั้ง ข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีการส่งคนไปเจรจาพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆเพื่อร่วมรัฐบาลนั้น เป็นข่าวบิดเบือน และเป็นข้อมูลเท็จที่ทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเราต้องทำตามระบบและข้อบังคับพรรคฯ ที่ระบุว่าต้องมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรค กับส.ส. เพื่อพิจารณาและมีมติว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล หรือจะถอนจากการร่วมรัฐบาล ส่วนกรณีที่มีสมาชิกพรรคฯ แสดงความเห็นให้ลงมติเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี หรือมีความพยายามให้ไปร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้ นั่นเป็นความเห็นส่วนบุคคล รวมถึงข่าวที่ว่าเราไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีใครสามารถดำเนินการได้คนเดียวเช่นกัน

นายราเมศ กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งและกำลังจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นเรื่องที่เราไม่ก้าวล่วงหรือคัดค้านในสิ่งที่พรรคก้าวไกลและพรรคอื่นที่เข้าร่วมรัฐบาลพูดคุยกัน เพราะผลการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ 24 ที่นั่ง ส่วนการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะอุดมการณ์ของพรรคฯ นิยมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แม้พรรคก้าวไกลจะมีความพยายามสื่อสารไปยังประชาชนว่าเป็นการแก้ไข ไม่ยกเลิก แต่ตนอยากให้ประชาชนศึกษารายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลได้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าเนื้อหามีความชัดเจนว่าให้ยกเลิกมาตรา 112 

นายราเมศ กล่าวว่า โดยมาตรา 4 ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว บัญญัติว่าให้มีการยกเลิกบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งที่บทบัญญัตินี้ไม่สามารถทำร้ายใครได้ หากพฤติกรรมผู้ทำผิดไม่ได้ส่อไปในการทำผิด อีกทั้ง พรรคก้าวไกลโจมตีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ หลายครั้งว่าตีตกไป ไม่ให้เข้าสู่บรรจุวาระการพิจารณาของสภาฯ ซึ่งตนยืนยันว่าเป็นการบิดเบือนอย่างมาก เพราะเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2564 นายพิธาได้เสนอร่างต่อประธานสภาฯ ให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่สำนักเลขาธิการสภาฯ ตรวจสอบพบมีข้อบกพร่อง จึงแจ้งให้นายพิธาถอนร่างฯไปแก้ไข แต่พรรคก้าวไกลเสนอมาอีกในวันที่25 มี.ค.2564  ต่อมา เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2564 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่าไม่ปรากฎความประสงค์ชัดว่าเสนอฉบับใด จึงแจ้งนายพิธาอีกครั้ง กระทั่งวันที่ 21 เม.ย.2564 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ได้แจ้งให้นายพิธาทราบเพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่องของร่างฯ จากนั้น วันที่ 23 เม.ย.2564 เจ้าหน้าที่สภาฯได้แจ้งนายพิธาว่าร่างนี้อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่นายพิธายังเสนอมาอีก จนกระทั่งวันที่ 22 ธ.ค.2564 รองเลขาธิการสภาฯ แจ้งนายพิธาว่ากรณีการกำหนดความผิดลักษณะที่ยอมความได้ อาจไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 28-29/ 2555 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 19/2564 ที่ว่ามาตรา 112 ไม่ลักษณะที่ขัดหรือแย้ง และไม่มีลักษณะที่เลือกปฏิบัติต่อประชาชน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า กรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่าแพ้การเลือกตั้งตลอด มีการเหยียดหยามด้อยค่าคนแพ้นั้น หากย้อนไปตอนที่นายวิโรจน์แพ้ในการเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เราไม่เคยทับถมด้อยค่านายวิโรจน์ เพราะถือเป็นมติของประชาชน

“ผมเชื่อพ่อแม่คุณวิโรจน์สั่งสอนมาดี แต่ด้วยตัวเองที่ลักษณะสันดานดิบ ชอบด้อยค่า กร้าวร้าวคนอื่น  ปากอ้างประชาธิปไตย แต่พูดแต่ละคำมีแต่เสียดสี ผมไม่เรียกร้องให้ดัดนิสัย เพราะเขาพูดแบบนี้บ่อยครั้งอยู่แล้ว”นายราเมศ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า  แม้เรามีส.ส. 24 คน แต่การทำหน้าที่ในสภา ทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทั้งเรื่องผลักดันนโยบายที่ประกาศ และการออกกฎหมายต่างๆ เราก็จะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ส่วนการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่น เป็นเรื่องของอนาคต แต่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มกัน เพราะพรรคที่เหลือจากการร่วมรัฐบาลก็ต้องมาเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img