วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯจ่อคุยพรรคร่วมหลังสงกรานต์ ให้สัญญาณปรับครม.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯจ่อคุยพรรคร่วมหลังสงกรานต์ ให้สัญญาณปรับครม.

นายกฯจ่อคุยพรรคร่วมหลังสงกรานต์ ให้สัญญาณปรับครม. มั่นใจปรับครั้งนี้ต้องถูกฝาถูกตัว ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ 7 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์เปลี่ยน นอกจากงานรัฐบาล ต้องวางคนให้สภาแข็งแกร่งด้วย

วันที่ 14 เม.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ คณะรัฐมนตรี (ครม.)  ว่า  วันนี้จะยังไม่ปรับ แต่คนก็ยังโฟกัสเรื่องนี้ ซึ่งหากจะมีการปรับจริงจะมีการปรึกษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ในความเห็นของพี่น้องประชาชนหลายล้านคน เห็นว่านายทักษิณเป็นนายกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีตนได้แถลงไปแล้ว หากจะมีการปรับ ก็ต้องมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน โดยต้องมีการพูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี , หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังสงกรานต์จะพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า แน่นอนครับ และหากจะมีการปรับ ก็ต้องมีการพูดคุย เป็นการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ส่วนว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้น ทุก option มีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนให้ถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง ตรงนี้มีความเป็นไปได้หมด

เมื่อถามว่า นอกจากพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ยังมีปัจจัยอะไรอีกที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกลาโหม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่อยากจะเจาะจงกระทรวงไหน เป็นการพูดในหลักการคร่าวๆ มากกว่า หากจะไปทำงานหรือมีการโยกย้าย ไม่ใช่เฉพาะตนเองคนเดียว รัฐมนตรีท่านอื่นก็ต้องดูให้ถูกคน เราก็รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน แม้แต่สื่อมวลชนเองก็บอกว่าบางคนทำงานยังไม่ถูก ยังไม่ดีพอ อ่อนในหลายด้าน รวมถึงการสื่อสาร ด้านการประสานงาน ทุกข้อคิดเห็น ตนนำมาพิจารณาหมด หากจะมีการปรับ ครม.

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีคือผู้มีอำนาจจรดประกาศเซ็น การปรับครั้งนี้จะเป็นการปรับใหญ่เลยหรือไม่ เพื่อจะขับเคลื่อนงบประมาณไปยาวๆ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าตนไม่อยากจะเจาะจงว่าปรับใหญ่หรือปรับเล็ก หรือปรับใคร-ไม่ปรับใครบ้าง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุยและผลงานของแต่ละคนด้วย

เมื่อถามว่าการปรับรอบนี้จะถูกฝาถูกตัวเลยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การปรับเปลี่ยนอะไรต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆไป พรุ่งนี้มะรืนไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับ หากจะมีการปรับ ต้องมีความชัดเจนว่ามีความเหมาะสม ถูกต้อง-ถูกเวลา แต่อาจจะต้องมีหลายท่าน อาจจะยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ยังต้องการเวลาในการทำงานอยู่ เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และคิดว่าหากจะมีการปรับก็คงปรับเรื่อยๆ ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

นายกฯยอมรับว่า การปรับครม.ครั้งนี้ไม่มั่นใจว่า จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่ต้องตามแก้ภายหลัง  ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีแรงกระเพื่อม มีความไม่สบายใจก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับนะ

เมื่อถามว่า แรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยค่อนข้างเยอะ การปรับครั้งนี้จะทำให้แรงกระเพื่อมในพรรคลดลงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ไม่แน่ใจครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ผมเอาปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และเอาการทำงานเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจ ปรับออกไปแล้วก็ปรับเข้ามาใหม่ได้ มันแล้วแต่วาระของเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างเหตุการณ์ปัจจุบันอาจต้องการบางบุคคลเข้าไปช่วยงานในสภาฯ พอสภาฯ แข็งแกร่งท่านอาจจะกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่จบแล้วจบเลย มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ในอดีตทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่า การปรับครม.ก็มีการปรับเข้า-ปรับออก เปลี่ยนกระทรวงไปแล้วกลับไปกระทรวงเดิมก็ยังเป็นไปได้ ตรงนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยครับ ถ้ามันเกิดขึ้น เดี๋ยวค่อยมาว่ากันดีกว่า”

เมื่อถามว่ารัฐมนตรีแต่ละคนถือว่ามีโปรไฟล์สูง ทำงานมา 7 เดือนแล้ว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องพิจารณาปรับถ้าทำงานไม่เข้าเป้า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องปรับครม. ตนพูดไปเยอะแล้ว ความจริงไม่ได้ปรับภายในวันหรือสองวันนี้ ถ้าพูดไปเรื่อยก็แรงกระเพื่อมไปเรื่อย จุดประสงค์ใหญ่ถ้ามีการปรับครม.ก็ปรับให้ถูกฝาถูกหน้าที่ ไม่ใช่แค่ดูที่รัฐบาลอย่างเดียว ต้องดูที่ระบบรัฐสภาด้วย ว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง แน่นอนว่าเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง 7 เดือนที่แล้วกับวันนี้สถานการณ์ต่างกัน บางอย่างเรายังทำไม่ดีพอ บางอย่างเราคิดว่าทำได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาทั้งหมดโดยรวม

เมื่อถามอีกว่า แม้นายกฯ จะบอกว่า 314 เสียง แข็งแกร่งแล้ว แต่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีการไปพูดคุยกับนายทักษิณ จึงมีคำถามกลับมาว่ามีโอกาสหรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า นายทักษิณเป็นผู้ที่มีความอาวุโสทางด้านการเมืองสูง มีเพื่อนฝูงในวงการเยอะการที่จะไปทานข้าว พูดคุยกับใคร เชื่อว่าจุดมุ่งหมายคือประชาชนเป็นหลัก ฉะนั้นการจะไปกินข้าวกับใคร สามารถตีความได้หลายอย่าง หากถามโดยส่วนตัวของตนไม่เคยพูดคุยกับใคร แม้แต่ไปเจอกับนายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกัน ที่นายชัยชนะมาวันนั้นก็มาในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะมาเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img