“ธปท.” ห่วงหนี้เสียภาคครัวเรือน-เอสเอ็มอีพุ่ง หลังค่าครองชีพ-เงินเฟ้อสูง ขณะที่กิจการขนาดใหญ่สภาพคล่องดี ส่วนสินทรัพย์ดิจิทัลยังมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินของไทย
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ได้ออกรายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทยรายไตรมาส ประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 โดยพบว่า ระบบการเงินไทยมีเสถียรภาพ ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความเสี่ยง 2 ด้านคือ 1.ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และ 2.ความผันผวนในตลาดการเงินจากความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น โดยต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยกลุ่มเปราะบางใกล้ชิด
ทั้งนี้ ภาคครัวเรือนที่ยังสะสมความเปราะบางจากหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ ขณะที่เอสเอ็มอีแม้มีสัญญาณการฟื้นตัวของรายได้ และคุณภาพสินเชื่อปรับดีขึ้น แต่ฐานะการเงินยังเปราะบาง จึงต้องติดตามความสามารถการชำระหนี้ของกลุ่มท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจที่อ่อนไหวต่อต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ขนส่ง การค้า และก่อสร้าง
ด้านธุรกิจขนาดใหญ่มีสภาพคล่องและฐานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และบางธุรกิจที่อ่อนไหวต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ขนส่ง และก่อสร้าง ตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังมีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ต้นทุนการก่อสร้าง ธุรกิจที่ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ในภาพรวมฐานะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยัง ต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อที่เห็นสัญญาณที่ด้อยลง โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (ไม่รวมประเภทที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน)
ธปท.ยังประเมินสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital asset) ว่ามีความเสี่ยงและนัยของเสถียรภาพระบบการเงินไทยโดยรวมจำกัด เนื่องจากจำนวนบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว (active account) และปริมาณการซื้อขายของรายย่อยลดลงต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามพฤติกรรมการลงทุนที่เกี่ยวข้อง เพราะตลาดมีความผันผวนสูงและได้รับความสนใจในวงกว้าง
