“ต่างชาติเที่ยวไทย” แค่ 4 เดือนแรก สะสม 8.6 ล้านคน กวาดรายได้ 3.53 แสนล้านบาท “กระทรวงท่องเที่ยวฯ” คาดเดือนพ.ค. ได้แรงหนุนจากช่วงหยุดยาววันแรงงานของตลาดจีน รวมถึงปัจจัยต้นทุนเดินทางลดลง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากสถิติ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 4 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 เม.ย.66 พบว่า มีจำนวนสะสม 8,596,452 คน เฉพาะเดือนเม.ย.66 มีจำนวน 2,130,715 คน
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 อันดับแรกที่เดินทางเข้าประเทศไทยสูงสุดในเดือนเม.ย.66 มีดังนี้
1.มาเลเซีย 367,530 คน
2.จีน 328,375 คน
3.อินเดีย 131,230 คน
4.รัสเซีย 115,743 คน
5.เกาหลีใต้ 95,229 คน
6.เวียดนาม 84,221 คน
7.สหรัฐอเมริกา 70,977 คน
8.สหราชอาณาจักร 70,089
9.ลาว 68,204 คน
10.ฮ่องกง 67,771 คน
รายงานข่าวจากสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 8,596,452 คนในช่วง 4 เดือนแรก สามารถสร้างรายได้การท่องเที่ยวแล้วกว่า 353,331 ล้านบาท
เมื่อดูข้อมูลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 24-30 เม.ย.66 พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 567,361 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบด้วย มาเลเซีย, จีน, อินเดีย, เวียดนาม และเกาหลีใต้ คิดเป็น 53.3% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวเวียดนามปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 43.51% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา (WoW) รองลงมาได้แก่ นักท่องเที่ยวจีนที่ 42% นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่ 19.44% นักท่องเที่ยวอินเดียที่ 15.60% และนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ 12.17% ทำให้ในภาพรวมสัปดาห์ดังกล่าว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น 64,682 คน หรือคิดเป็น 12.87%
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากช่วงวันหยุดยาววันแรงงานในจีน มาเลเซีย และเวียดนาม ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย พบการลดลงตามฤดูกาลท่องเที่ยว
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าสัปดาห์ถัดไป (ตั้งแต่วันที่ 1-7 พ.ค.66) จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 520,000 คน โดยมีนักท่องเที่ยวอาเซียนและเอเชียตะวันออกเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก ยังคงได้รับแรงหนุนจากช่วงวันหยุดวันแรงงานของนักท่องเที่ยวจีนที่จะสิ้นสุดในวันที่ 3 พ.ค.66 ประกอบกับการประกาศลดราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียของซาอุดีอาระเบียที่อาจส่งผลให้ต้นทุนการเดินทางลดลง รวมถึงความพยายามของรัฐบาลจีนในการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมท่องเที่ยวระหว่างประเทศอาจได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน และเศรษฐกิจของโลกที่ยังคงมีสัญญาณการถดถอยทั้งฝั่งยุโรปและอเมริกา รวมถึงผลกระทบต่อเสถียรภาพของค่าเงินจากการผลักดันเงินสกุลหยวนให้เป็นสกุลเงินหลักของโลกแทนดอลลาร์สหรัฐ