วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2024
หน้าแรกHighlight“ต่างชาติ”ปักธงลงทุนในไทย 7 เดือน มูลค่า5.89หมื่นล้าน-ญี่ปุ่นครองแชมป์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ต่างชาติ”ปักธงลงทุนในไทย 7 เดือน มูลค่า5.89หมื่นล้าน-ญี่ปุ่นครองแชมป์

“พาณิชย์” เผยตัวเลข 7 เดือนต่างชาติลงทุนในไทย 58,950 ล้านบาท ญี่ปุ่นแชมป์ รองลงมาเป็นสิงคโปร์-จีน จ้างงานคนไทย 3,594 คน

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 377 รายเพิ่มขึ้น 54 รายหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 323 ราย

ทั้งนี้แบ่งเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 122 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 255 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 58,950 ล้านบาท ลดลง 14,674 ล้านบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 73,624 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,594 คน เพิ่มขึ้น 286 ราย จากเดิมอยู่ที่ 3,308 คน

สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 84 ราย สัดส่วน 22% เงินลงทุน 19,893 ล้านบาท สหรัฐอเมริ กา 67 รายสัดส่วน 18% เงินลงทุน 3,044 ล้านบาท สิงคโปร์ 61 รายสัดส่วน 16% เงินลงทุน 12,925 ล้านบาท จีน 28 รายสัดส่วน 7% เงินลง ทุน 11,663 ล้านบาท และ เยอรมนี 16 รายสัดส่วน 4% เงินลงทุน 1,298 ล้านบาท

ขณะที่การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 73 ราย คิดเป็น  19%  ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 12,348 ล้านบาท คิดเป็น 21% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น 31 ราย ลงทุน 5,379 ล้านบาท จีน 12 ราย ลงทุน 893 ล้านบาท เกาหลีใต้ 5 ราย ลงทุน 287 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ อีก 25 ราย ลงทุน 5,789 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ

1.บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ

2.บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือและอุปกรณ์

3.บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม

4.บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ

5.บริการออกแบบแม่พิมพ์โลหะสำหรับผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

ทั้งนี้เฉพาะเดือนกรกฎาคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 51 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 20 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 31 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,023 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 372 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา

โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรมแอปพลิเคชันเพื่อความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลส่วนตัว องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาเว็บไซต์ และ Data Analysis เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลในการทำการตลาด และองค์ความรู้เกี่ยวกับการทดสอบสมรรถนะของรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น 

สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่  
– บริการให้ใช้ระบบแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับป้องกันการตรวจสอบการโทร
– บริการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล
– บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร อุปกรณ์ อะไหล่ ชิ้นส่วนของเครื่องจักรที่ใช้ในระบบแปรรูปยางพารา และเครื่องจักรทั่วไป
– บริการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนยานพาหนะ
– บริการพัฒนาซอฟต์แวร์เกมส์ออนไลน์และแอปพลิเคชัน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img