วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2024
หน้าแรกHighlight“วิกฤติทะเลแดง”คลี่คลาย คาดขนส่งสินค้าทางเรือสู่ภาวะปกติใน 2 เดือน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“วิกฤติทะเลแดง”คลี่คลาย คาดขนส่งสินค้าทางเรือสู่ภาวะปกติใน 2 เดือน

“สรท.” ประเมินวิกฤตทะเลแดงเริ่มคลี่คลาย หลังค่าระวางเรือลด ชี้หากไม่ยืดเยื้อปัญหาการขนส่งสินค้าทางเรือจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 เดือนนี้

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาติดขัดเรื่องการขนส่งและโลจิสติกส์ได้เริ่มลดลง หลังจากที่ภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ส่งผลให้ค่าระวางเรือจากที่เคยปรับขึ้นไป 4-5 เท่า ลดลงมาเหลือ 2-3 เท่าจากระดับปกติ ซึ่งช่วยผ่อนคลายต้นทุนค่าขนส่งสินค้าลงได้ในระดับหนึ่ง และหากสถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดงไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ ก็เชื่อว่าปัญหาการขนส่งสินค้าทางเรือจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 เดือนนี้

ส่วนสาเหตุที่ค่าระวางเรือปรับขึ้น เนื่องจากในช่วงต้นเดือนม.ค. ประเทศจีนต้องเร่งส่งออกในช่วงก่อนตรุษจีนเดือนก.พ. จึงทำให้ความต้องการตู้คอนเทนเนอร์มีสูงมาก ประกอบกับปัญหาการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง จึงทำให้ค่าระวางเรือในช่วงนั้นพุ่งขึ้นไป 5-6 เท่าตัว แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ค่าระวางเรือเริ่มลดลงอย่างไรก็ตามทาง สรท. จะติดตามปัจจัยที่จะเป็นตัวแปรสำคัญ คือกำลังการผลิตของจีน หลังผ่านช่วงตรุษจีนไปแล้ว รวมทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ล่าสุดการส่งออกไปยังยุโรปขยายตัว 4.5% ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวในรอบ 8 เดือน จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี

รายงานข่าวจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แจ้งว่า ได้สรุปภาพรวมสถานการณ์ความไม่สงบในเส้นทางทะเลแดง-คลองสุเอซ-ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  คือ 1.สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณทะเลแดงยืดเยื้อ และตึงเครียดมากขึ้น การเดินเรือผ่านเส้นทางทะเลแดง-คลองสุเอซ มีปริมาณไม่มาก เพราะผู้ให้บริการส่วนใหญ่กว่า 60% หันไปใช้เส้นทางผ่านแหลมกู๊ดโฮป แอฟริกาใต้ ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มขึ้น เนื่องจากระยะทางและระยะเวลาในการเดินเรือเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าระวางและค่า surcharge เพิ่มขึ้นตาม

2.สายเรือปรับตารางเดินเรือ เรือแม่ไม่จอดเทียบท่าเรือบางแห่ง และใช้บริการเรือลำเลียงตู้ (Feeder Vessel) เข้าเทียบท่าแทน เพื่อรักษาระยะเวลา Free Time ไม่ให้นานเกินไป

3.ปริมาณเรือและตู้คอนเทนเนอร์ในภาพรวมเพียงพอสำหรับการขนส่งสินค้า และคาดว่าปริมาณตู้จะเพิ่มขึ้นช่วงหลังตรุษจีน อย่างไรก็ตาม ตู้คอนเทนเนอร์จะถูกขนส่งไปยังตะวันออกกลางมากขึ้นในช่วงปลายเดือนก.พ. เนื่องจากความต้องการในการเร่งส่งออกก่อนเทศกาลรอมฎอน จึงต้องติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องสถานการณ์สู้รบในทะเลแดง ราคาน้ำมัน และปริมาณสินค้าที่จะออกสู่ตลาดโลก

4.ค่าระวางเรือคงที่ คาดว่าจะปรับตัวไม่สูงขึ้นมากหลังช่วงตรุษจีน และไม่สูงเท่าช่วงสถานการณ์โควิด เนื่องจากปริมาณเรือและ Capacity ในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการหันไปใช้บริการขนส่งทางอากาศ และทางบกเป็นตัวเลือกในการขนส่งเพิ่มเติม

5.หากเปรียบเทียบกับการขนส่งเส้นทางอื่นๆ การขนส่งสินค้าจากไทยไปยังตลาดส่งออกเป้าหมาย เช่น
สหรัฐหรือยุโรปมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 100-200 ดอลลาร์ต่อตู้ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม เนื่องจากไทยไม่ได้อยู่ในเส้นทางหลักของสายเดินเรือ อีกทั้งเรือที่เข้ามาเทียบท่าไทย ส่วนใหญ่
เป็นเรือลำเลียงตู้ ต้นทุนในการขนส่งสินค้าจึงเพิ่มขึ้น

6.สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบ่งปันข้อมูล เพื่อจัดทำราคากลางของค่าระวาง เผยแพร่ให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า เพื่อวางแผนในการส่งออก-นำเข้าสินค้า

ทั้งกรม ฯ และเอกเชนได้เกาะติดสถานการณ์ โดยกระทรวงพาณิชย์จัดประชุมหารือระหว่างสายเรือ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์การขนส่งสินค้าหลังเทศกาลตรุษจีนอย่างใกล้ชิด 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img