“มาม่า”ยื่นกระทรวงพาณิชย์ขอปรับราคาขึ้นอีกซองละ 2 บาท เป็นซองละ 8 บาท อ้างต้นทุนพุ่ง-กำไรหด เตรียมหาช่องทางส่งออกเพิ่ม
รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “มาม่า” เปิดเผยว่า จากทิศทางต้นทุนวัตถุดิบไม่มีแนวโน้มจะลดลง จึงหารือกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ในการปรับขึ้นราคา แต่เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่งยื่นขอปรับราคามาม่า จากเดิม 1 บาทต่อซอง เป็น 2 บาทต่อซอง จาก 6 บาท เป็น 8 บาทต่อซอง
ทั้งนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ยังไม่อนุมัติและอยู่ระหว่างการพิจารณา หากไม่ได้รับอนุมัติก็เป็นอำนาจของรัฐ ซึ่งในฐานะผู้ผลิต เริ่มไม่ไหวที่ต้องแบกรับต้นทุนทั้งแป้งสาลี น้ำมันปาล์ม แม้ราคาจะอ่อนตัวลง แต่คงไม่กลับไปจุดเดิม รวมถึงค่าพลังงาน ค่าไฟ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะนี้ได้แต่บริหารจัดการภายใน และในส่วนของกำไรก็ลดลง
หากยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ขึ้นราคา 2 บาท ในฐานะผู้ผลิตจะพยายามไม่ปล่อยให้สินค้าขาดตลาด และคงต้องเพิ่มการส่งออกมากขึ้น สำหรับมาม่าสูตร Less Sodium ใน 4 รสชาติ ได้แก่ รสต้มยำกุ้ง, รสหมูสับ, รสต้มยำกุ้งน้ำข้น และรสเส้นหมี่น้ำใส โดยตั้งราคาขาย 8 บาทต่อซอง จากเดิมมีแผนวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้ แต่อยู่ระหว่างการอนุมัติเรื่องราคาจากกระทรวงพาณิชย์เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 18,000 ล้าน ครึ่งปีแรกเติบโต 6% จากปัจจัยเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ค่อยดี ทำให้ผู้คนประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งมาม่าเป็นกลุ่มสินค้าที่เข้าถึงง่าย ขณะที่มาม่า 6 เดือนแรกของปีเติบโตสวนตลาด ประเมินว่าครึ่งปีหลังอัตราการเติบโตคงไม่ทิ้งห่างไปกว่านี้
