วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกHighlight“เดลต้า”ระบาดทั่วไทย 91.9% เตือนตรวจภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนไม่จำเป็น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เดลต้า”ระบาดทั่วไทย 91.9% เตือนตรวจภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนไม่จำเป็น

‘’กรมวิทย์’’เผยเดลต้าระบาดทั่วประเทศ 91.9% เฉพาะกทม.95.4‘’เบตา’’ติดเชื้อ 4 จว.ชายแดนใต้ เตือนโซเชียลฯ ตรวจภูมิคุมกันหลังฉีดวัคซีน  ไม่ตอบโจทย์เพราะเป็นภูมิคุ้มกันภาพรวม ไม่เจาะจงเฉพาะสายพันธุ์

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงการตรวจเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ต่างๆ ว่า ข้อมูลระหว่างวันที่ 31 ก.ค. – 6 ส.ค. 2564 ทั่วประเทศมีการตรวจรหัสพันธุกรรมไวรัสโควิด 19 จำนวน 1,632 ราย พบเป็นสายพันธุ์เดลต้า 1,499 ราย คิดเป็น 91.9% สายพันธุ์อัลฟา 129 ราย คิดเป็น 7.9% และสายพันธุ์เบตา 4 ราย คิดเป็น 0.2% โดยพบในภาคใต้ทั้งหมด

ทั้งนี้เฉพาะพื้นที่ กทม. มีการตรวจ 1,157 ตัวอย่าง พบสายพันธุ์เดลต้า 95.4% สายพันธุ์อัลฟาเหลือ 4.6% ส่วนภูมิภาคมีการตรวจ 475 ตัวอย่าง พบสายพันธุ์เดลต้า 83.2%  สายพันธุ์อัลฟา 16% และสายพันธุ์เบตา 0.8% ทั้งนี้คาดว่าไม่นานสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยคือสายพันธุ์เดลตาเป็นหลัก ขณะนี้พบใน 76 จังหวัด เหลือที่ยังไม่พบคือ สุพรรณบุรี แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มี แค่อาจจะยังไม่เจอดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่ามีสายพันธุ์เดลตาครบทุกจังหวัดของไทยแล้ว

 ส่วนสายพันธุ์เบตาสัปดาห์ที่ผ่านมาพบ 4 ราย คือ ภูเก็ต 3 ราย และพัทลุง 1 ราย ภาพรวมสายพันธุ์เบตา 70% อยู่ที่นราธิวาส ทั้งนี้สายพันธุ์เบตาอำนาจแพร่เชื้อไม่มาก ก็ค่อนข้างจำกัดวงที่ภาคใต้ ส่วนที่เจอ ที่ จ.บึงกาฬ 5 ราย ซึ่งผ่านมา 2 สัปดาห์ แล้วถือว่ายุติ ขณะที่ อีก3 รายสมุทรปราการอยู่ในสเตทควอรันทีน และ กทม.เคยเจอ 1 รายแรกบวกญาติ 2 รายก็จบแล้ว ไม่พบเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นกรณีเบตาไม่น่าเป็นปัญหานอกพื้นที่ชายแดนใต้ แต่ต้องเฝ้าระวังต่อไปจะแพร่กระจายที่อื่นหรือไม่ เราสามารถตรวจจับได้จากระบบเฝ้าระวังของเรา

“ขอให้ช่วยกัน เพราะธรรมชาติสายพันธุ์เดลต้ามีการแพร่กระจายติดเชื้อง่ายมากกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้การแพร่กระจายถึงรวดเร็ว คนไข้เพิ่มหลัก 2 หมื่นรายต่อวัน ต้องเคร่งครัดใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง อย่ารวมกลุ่ม ให้คนไทยช่วยกัน ไม่มีอะไรดีกว่าที่เราช่วยกันหยุดยั้ง เพราะไวรัสไปเองไม่ได้ ไปกับผู้คน การทำกิจกรรมเสี่ยงทั้งหลาย ถ้าเราหยุดการแพร่เชื้อเร็ว ควบคุมโรคเร็ว โอกาสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่จะน้อยลง ซึ่งตอนนี้เรายังไม่เจอสายพันธุ์อื่น เช่น แลมบ์ดา โดยมีการเฝ้าระวังคนมาจากต่างประเทศ ทั้งในสเตท ควอรันทีน ชายแดน คลัสเตอร์แปลกๆ หรือคนไข้หนัก” นพ.ศุภกิจกล่าว

 นพ.ศุภกิจกล่าวว่า สำหรับกรณีโซเชียลมีเดีย ที่มีอินฟลูเอนเซอร์หรือใครก็ตามพยายามไปตรวจภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน บางคนขึ้นมา บางคนขึ้นน้อย ต้องขอชี้แจงว่าการตรวจแบบนั้นไม่ได้บอกอะไร ไม่คุ้มที่จะไปตรวจ เพราะเป็นการขึ้นภูมิคุ้มกันในภาพรวม ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าจัดการกับเชื้อสายพันธุ์ต่างๆ ได้มากน้อยแค่ไหน แล็บแต่ละแห่งมีค่าของตัวเลขการวัดที่แตกต่างกันไป และองค์การอนามัยโลกยังไม่กำหนดว่าระดับภูมิคุ้มกันแค่ไหนจะป้องกันโรคได้

 ดังนั้น หากมีคนคิดไปตรวจก็ควรถามคนตรวจว่า ใช่การตรวจ Neutralizing Antibodies ที่เป็นภูมิกำจัดเชื้อโรคหรือไม่ เป็นภาพรวมหรือจำเพาะต่อเชื้อสายพันธุ์ใด ต้องถามเพื่อให้คนตรวจอธิบายว่าผลแปลว่าอย่างไร เพราะถ้าเป็นภูมิคุ้มกันทั่วไปไม่มีประโยชน์ พอขึ้นไม่มากก็ไม่สบายใจ หรือขึ้นมากก็ไม่ได้แปลว่าป้องกันโรคได้ ซึ่งมองว่ามีกระบวนการชักชวนให้ตรวจ แต่ไม่มีความจำเป็น.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img