“ชินวรณ์” เชื่อทุกพรรคเป็นองค์ประชุมศึกซักฟอก 15-16 ก.พ.นี้ ชี้พรรคไหนเล่นเกมก็ต้องรับผิดชอบเอง ปิดประตูเปิดสมัยวิสามัญ เหตุทุกพรรคมุ่งลงพื้นที่หาเสียง
วันที่ 12 ก.พ.2566 ที่นครศรีธรรมราชนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มจะขอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ เนื่องจากกฎหมายหลายฉบับยังค้างอยู่ ว่า ในทางการเมืองเป็นไปไม่ได้ เพราะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว แต่ละพรรคก็มุ่งเน้นแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือพรรครัฐบาลเริ่มนำนโยบายมาสู้กัน ดังนั้นการเปิดสมัยวิสามัญมี 2 ทางคือ 1.คำร้องขอของครม. และ 2.พรรคการเมืองต่างๆ โดยใช้เสียง 1 ใน 10 เชื่อเป็นไปไม่ได้ เพราะในวันที่ 15-16 ก.พ.จะมีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 และในวันที่ 17 ก.พ.จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ และกฎหมายที่ยังค้างอยู่ในการประชุมร่วมรัฐสภาประมาณ 4 ฉบับ ส่วนการประชุมสัปดาห์สุดท้ายในวันที่ 22-23 ก.พ.จะเป็นการพิจารณากฎหมายที่ทางพรรคร่วมรัฐบาลต้องการให้ลงมติคือ ร่าง พ.ร.บ.ประมง ส่วนกฎหมายอื่นจะเป็นอย่างไรต้องมาดูในรายละเอียดอีกครั้ง
“มั่นใจที่มีข่าวว่าการประชุมสภาในวันที่ 15-16 ก.พ.มีแนวคิดจะไม่เข้าร่วมองค์ประชุมจริง และได้มาประสานงานกับผม ซึ่งได้ยืนยันไปแล้วว่า การอภิปรายเป็นข้อเสนอแนะของฝ่ายค้านที่จะสามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ แต่การที่ฝ่ายบริหารหรือพรรคใดพรรคหนึ่งจะไม่เข้าร่วมเป็นองค์ประชุม ผมคิดว่าจะมีผลเสียหายอย่างน้อย 3 ประการคือ 1.หนีการตรวจสอบของฝ่ายค้าน 2.เป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายรัฐบาลที่ต้องทำให้ครบองค์ประชุม และ 3.ถ้าฝ่ายค้านเห็นว่าการไม่ครบองค์ประชุมมาจากฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านก็หาเหตุไปอภิปรายนอกสภาได้ จะยิ่งทำให้ฝ่ายรัฐบาลเสียหาย และเรารู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายของฝ่ายค้านคืออะไร เพราะฉะนั้นพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็ควรที่จะร่วมมือกันให้การอภิปรายเป็นไปตามระเบียบวาระ”นายชินวรณ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกันหรือยังเพราะพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่าจะใช้เอกสิทธิ์ หากฝ่ายค้านอภิปรายเกินกรอบ นายชินวรณ์กล่าวว่า เป็นทางเลือกของแต่ละพรรค แต่โดยภาพรวมพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้มีความพร้อมที่จะให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นองค์ประชุม และเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ได้ประสานไปยังพรรคพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย ยังยืนยันว่ายินดีเป็นองค์ประชุม แต่อย่างไรก็ตามการที่พรรคใดจะตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรรคตัวเองหรือไม่ เป็นความรับผิดชอบทางการเมืองที่พรรคนั้นๆ จะต้องรับผิดชอบเอง แต่โดยภาพรวมคิดว่าสถานการณ์ในวันนี้ทุกพรรคก็ต้องร่วมเป็นองค์ประชุมแน่นอน
