วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2024
หน้าแรกNEWS“สาธิต”ยอมรับ“ปชป.”แพ้สงครามยับ! เรียกร้อง“อภิสิทธิ์”กลับมากอบกู้พรรค
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สาธิต”ยอมรับ“ปชป.”แพ้สงครามยับ! เรียกร้อง“อภิสิทธิ์”กลับมากอบกู้พรรค

“สาธิต” รับปชป.แพ้สงครามยับ เหตุปัจจัยภายใน-ภายนอก ต้องถอดบทเรียน ยัน “มาร์ค” เหมาะกลับมานั่งหัวหน้า วอนสมาชิกเก่ากลับมาช่วยกันรักษาสถาบันการเมือง ยุโหวต “พิธา” โชว์จุดยืนปิดสวิตซ์ส.ว.

วันที่ 16 พ.ค.เวลา 09.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนมาน้อยกว่าที่คิดว่า ต้องยอมรับเสียงของประชาชนที่กำหนดทิศทางประเทศ แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงต้องไปนั่งพูดคุยกันว่าจะเดินหน้าทำให้เป็นพรรคการเมืองที่เป็นที่เชื่อใจของประชาชนได้อย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องไปเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ทั้งหมดต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน ว่าจะกำหนดทิศทาง เป้าหมาย จุดยืนทางการเมือง อย่างไร เพราะต้องมีการถอดบทเรียนว่า จากการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนมีหลายกลุ่มที่เป็นทั้งกลุ่มสวิงโหวต กลุ่มที่ไม่ได้ติดตามข่าวสาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่เราต้องสื่อสารให้เข้าถึงเขา ทั้งหมดเป็นมิติการกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะเดินต่อไปทางการเมืองหลังจากนี้

เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาเช่นนี้ เป็นเพราะปัญหาการจัดการภายในหรือเพราะกระแสภายนอก นายสาธิต กล่าวว่า ทั้งหมดมาจากทุกปัจจัย รวมถึงประชาชนรู้สึกว่าถูกกดมานานจนทำให้อยากเปลี่ยนแปลง และถ้าย้อนกลับไปได้ก็ไม่ควรให้ประชาชนรู้สึกแบบนั้น อย่างไรก็ตามทุกวันนี้มีความยากในการเข้าถึงกลุ่มคนที่เลือกรับข้อมูลเพียงด้านใดด้านหนึ่ง เราจึงต้องนำเรื่องนี้มาคิดและปรับแนวทางการทำงานว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนหันมาดูข้อมูลของเรา เพราะไม่ได้หมายความว่าข้อมูลที่ถูกต้องจะถูกส่งไปถึงคนที่เราต้องการสื่อสารจึงต้องทำให้ประชาชนหันมาสนใจเสียก่อนแล้วเราค่อยนำข้อม​ูลที่ถูกต้องสื่อสารออกไป เพราะข้อมูลที่อยู่ในสื่อต่างๆมีความหลากหลาย จะทำอย่างไรให้เขามาสนใจข้อมูลจากเรา เป็นโจทย์สำคัญในการทำพรรคการเมืองใหม่

“เวลาแพ้สงครามก็ต้องไปรวบรวมไพร่พลที่ยังไม่ได้ หรือได้รับบาดเจ็บเอาไปรักษา และต้องรวบรวมยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด แล้วมาตั้งหลักจากนั้นก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา การทำการเมืองนั้นมีทั้งคนอยู่ข้างหน้าและข้างหลังโดยคนที่อยู่ข้างหลังทำหน้าที่เป็นคลังสมองที่อาจไม่ต้องมีบทบาท แต่ทั้งหมดร่วมกันทำในเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้ประชาชน ที่จริงเราอาจทำตรงนี้อยู่แล้วแต่ประชาชนไม่เห็นหลังจากนี้ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นสถาบันการเมืองแล้วทำประโยชน์ให้ประชาชน” นายสาธิต กล่าว

เมื่อถามว่าคนที่จะเข้ามากอบกู้พรรคประชาธิปัตย์ด้วยการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค จะต้องเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์มีความเหมาะสมที่จะเข้ามากอบกู้ แต่ก็ต้องมีการพูดคุยกันภายในพรรค และตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนซึ่งเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้วย้ายออกไปอยู่พรรคอื่นๆ ควรกลับมาร่วมกันทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นสถาบันทางการเมืองที่ทันสมัยและยึดหลักการดุดมการณ์

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต้องเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมดหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า หลักการของประเทศไม่ใช่แค่ต้องมีคนรุ่นใหม่อย่างเดียวคนทุกรุ่นมีความสำคัญเหมือนกันหมด เดียงแต่เราจะสื่อสารอย่างไรให้คนที่เป็นคนรุ่นเก่ามาอยู่เบื่องหลังเป็นคลังสมองมีประสบการณ์ ส่วนคนรุ่นกลาง คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดแหลมคมก็ออกมามีบทบาท แต่ถ้าปล่อยให้คนส่วนนี้ทำอย่างเดียวก็อาจเกิดข้อผิดพลาดดังนั้นการทำงานต้องผสานคนทุกรุ่นแล้วนำคนเหล่านี้ไปสื่อสารในรูปแบบใหม่ที่มีความชัดเจน แต่การสื่อสารกับประชาชนต้องเข้ากับบริบทนั้นด้วย ดังนั้นพรรคการเมืองต้องมีความเปลี่ยนแปลงความยืดหยุ่น

เมื่อถามว่า จะต้องจัดประชุมใหญ่สมัยวิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคเร็วแค่ไหน นายสาธิต กล่าวว่า ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ภายใน 60 วัน แต่ส่วนตัวอยากให้จัดเร็วที่สุด ก็ต้องไปคุยกันในพรรคอีกครั้ง เมื่อถามว่าจะเชิญนายอภิสิทธิมาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ต้องพูดคุยกับส.ส. และคนอื่นๆที่อยู่ในพรรคให้มีความชัดเจน แต่ส่วนตัวคิดว่านายอภิสิทธิมีความเหมาะสม และตอนนี้ในพรรคไม่มีอำนาจเก่า มีแต่อำนาจเริ่มต้นนับหนึ่งที่ทำให้พรรคไปสู่การได้รับการยอมรับจากประชาชน

เมื่อถามว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค จะต้องลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ เพราะการเป็นส.ส.มากับการเป็นหัวหน้าพรรค นายสาธิต กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ตนตอบแทนไม่ได้”

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ เพื่อเป็นการปิดสวิตซ์ส.ว.ในการเลือกนายกฯ นายสาธิต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นแนวทางเชิงอุดมการณ์อย่างหนึ่งของการปิดสวิตซ์ ส.ว. ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พูดมาตลอด แต่ส่วนตัวตนเป็นส.ส.สอบตก น้ำหนักในการพูดก็น้อยลง แต่ด้วยอุดมการณ์ส่วนตัวคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเดินไปในแนวทางที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และเรื่องดังกล่าวคงมีการนำไปพูดคุยกันในพรรค

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img