กบฉ.มีมติต่อเวลาใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 3 เดือน ดูแลความปลอดภัยประชาชนในชายแดนใต้ต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 2/2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และพล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วงระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-15 พ.ค.2566 และแนวโน้มสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความสงบเรียบร้อยมากขึ้นตามลำดับ และสามารถพัฒนาไปสู่การปรับลดพื้นที่ออกจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ได้มากขึ้นในโอกาสต่อไป จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบร่างแผนการปฏิบัติการปรับลดพื้นที่การประกาศใช้พ.ร.ก.ดังกล่าว ในช่วงปี 2566-2570 ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า เสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ และใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอครม.พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร ,อ.สุไหโกลก ,อ.แว้ง ,อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง ,อ.มายอ ,อ.ไม้แก่น ,อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง ,อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.2566 และสิ้นสุดวันที่ 19 ก.ย.2566 เป็นครั้งที่ 72 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงเป็นการป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ต่อไปด้วย
ขณะที่พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวก ให้ประชาชนห้วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ด้วยดี พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่กำลังพลและเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ และกล้าหาญ เพื่อประเทศและประชาชนได้อย่างน่าภาคภูมิใจ รวมถึงขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐเป็นอย่างดียิ่ง นำมาซึ่งความสันติสุข ร่มเย็น เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนต่อไป