วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกHighlight“อมรัตน์”โอดตกเป็นเหยื่อ-จนเหลืออด “ถูกกระทำ”มา2-3ปี-ถึงเวลาป้องตัวเอง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อมรัตน์”โอดตกเป็นเหยื่อ-จนเหลืออด “ถูกกระทำ”มา2-3ปี-ถึงเวลาป้องตัวเอง

“อมรัตน์” โอดตกเป็นเหยื่อ ลั่นไม่เคยคุกคาม-ข่มขู่ใคร บอกเหลืออดถูกกระทำมา 2-3 ปีถึงเวลาปกป้องตัวเอง เปรียบสิ่งที่ทำเหมือนไฟฉายส่องให้เห็นตัวคนผิด มั่นใจโพสต์ชี้เป้าไม่ผิดกม. pdpa อ้างไม่ได้บอกบ้านเลขที่-บัตรปชช. โยน “รองอ๋อง” ตัดสินให้ออก ตำแหน่งที่ปรึกษาฯ

เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แถลงถึงกรณีการโพสต์ข้อความเดินทางไปที่บ้านของผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ปีใหม่ ปีใหม่” ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ที่สถานที่ทำงาน และบ้านพัก จนทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นการคุกคาม ว่า ต้องขออภัยที่อาจทำให้สังคมโซเชียลมีเดียเกิดความรู้สึกในทางลบ สิ่งที่เกิดขึ้นในทางสังคม และกฎหมาย ตนยินดีน้อมรับ ถ้าจะมีเรื่องทางกฎหมายต่อไป และส่วนตัวจะดำเนินทางกฎหมายด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากอาการเหลือทน ที่ถูกกระทำมายาวนาน คนที่ไม่ได้ใช้ชื่อจริง เปิดบัญชีใช้พื้นที่ทางสังคม ปั่นกระแสข่าวเท็จ ด่าทอ โจมตี ใส่ร้ายคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผล ตั้งแต่ 2-3 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากจากเพจที่เป็นปัญหา ซึ่งเป็นเพจอินฟูเอนเซอร์ มีหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่กดติดตาม กดไลค์ กดเลิฟ เป็นเพจที่ไม่ทราบตัวตน แตกต่างจากบางเฟซบุ๊กที่มีนายแบก นางแบก ซึ่งแบบนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เช่น คำผกา หมออั้ม เป็นต้น เพราะเป็นชื่อจริงมีตัวตนจริง แต่กรณีที่เกิดขึ้น ไม่มีตัวตน เป็นบุคคลปริศนา ไม่มีใครทราบความจริง และมีการพยายามแสดงตัวตนให้เป็นคนใกล้ชิดคนใหญ่คนโต นายตำรวจใหญ่ ทำให้คนเกรงใจ จนใส่ร้ายป้ายสีใครก็ทำโดยสะดวก

นางอมรัตน์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดถึงจุดที่ทนไม่ไหว คือเอาภาพตนไปตัดต่อกับกำนันนก ถือว่าเป็นความผิดฐานนำข้อทูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากทำให้เข้าใจผิด ว่าตนเกี่ยวพันกับมาเฟีย ตนทนไม่ไหว พอได้รับเบาะแสว่าเพจดังกล่าวมีตัวตน แต่ไม่แสดงออก ในฐานะผู้ถูกกระทำเป็นเหยื่อต่อเนื่องยาวนาน ก็มีความรู้สึก จึงได้เช็คสถานที่ทำงาน ว่าเป็นพนักงานบริษัทจริงหรือไม่ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจึงตรวจสอบหลักฐาน ว่าพนักงานใช้เวลาทำงานโพสต์หรือไม่ และได้มีการแอดไลน์กัน เพื่อส่งหลักฐานไป

“ช่วงบ่ายวันนั้น ดิฉันกลับบ้านที่นครปฐม และเห็นว่าโรงงานดังกล่าวเป็นทางผ่าน จึงแวะเพื่อต้องการสอบถาม โดยดิฉันเข้าไปคนเดียว มีการแลกบัตรเข้าโรงงานอย่างถูกต้อง มีผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้บริหาร ให้การต้อนรับเชิญพูดคุย ไม่มีการพูดจาคุกคาม ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ดิฉันสอบถามว่า ได้เช็คให้แล้วใช่หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าเช็คแล้ว และเจ้าตัวยอมรับ ทางบริษัทจึงตักเตือนไปว่า หากสร้างประเด็นทางสังคม ก็ไม่สมควร บริษัทจึงลงความเห็นว่าทำหนังสือตักเตือนตามระเบียบบริษัท และให้ภาคทัณฑ์ 1 ปี ซึ่งเข้าตัวยินยอมลงชื่อในหนังสือตักเตือน สิ่งที่ทำเป็นมาตรการทางสังคม ไม่ใช่การคุกคาม ข่มขู่ เข้าไปอย่างถูกต้องติดต่อกันก่อน พูดคุยกันสุภาพ” นางอมรัตน์ กล่าว

นางอมรัตน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเหตุที่ตนโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เพราะคิดว่าต้องใช้มาตรการทางสังคมกับบุคคลที่ไม่มีตัวตนด้วย และไม่ว่าส่วนไหนจะผิดกฎหมาย ก็ยินดีต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ส่วนตัวมองว่า การเปิดเผยข้อมูลอยู่ในกรอบที่ไม่เข้าข่ายตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ กฎหมาย pdpa เพราะตนไม่ได้บอกชื่อจริง เลขบัตรประชาชน ทะเบียนรถ บ้านเลขที่ และพิกัดหมู่บ้านที่ชัดเจน ฉะนั้น เรื่องนี้ก็ไปว่ากันในชั้นศาล แต่ทางสังคม คือตนถูกกระทำจนทนไม่ได้ จนต้องปกป้องตัวเอง และมองว่าตนเป็นเหยื่อ ที่ถือว่าปกป้องตัวเอง และคนอื่นๆ แต่หากมองว่าผิดพลาดก็ยอมรับได้ หากสังคมจะตัดสินอย่างไรก็น้อมรับ

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบตำแหน่งของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ด้วย นางอมรัตน์ กล่าวว่า ถ้ากระทบยินดีน้อมรับ แล้วแต่รองประธานสภาฯคนที่ 1 จะพิจารณา ยืนยันว่าตนทำอย่างมีสติ หากการตอบโต้เกินเลย พร้อมรับผิดชอบ ส่วนตนจะออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารองประธานสภาฯคนที่ 1 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนแต่งตั้งรับได้ทั้งนั้น อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้คุยกับพรรค ยังไม่เจอใคร แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะทำด้วยสติ และคิดว่าคุ้มค่า เหมือนเป็นไฟฉายส่องแสงให้เห็นว่า ใครเป็นใคร เพื่อป้องปรามไม่ให้คนนี้ทำร้ายใครด้วยการโพสต์ เพราะถ้าปล่อยให้อยู่ในมุมมืดก็จะทำไปอีกเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าเป็นมาตรการทางสังคม คือการล่าแม่มดหรือไม่ นางอมรัตน์ กล่าวว่า แล้วแต่จะมอง ต้องมองว่าทำกับใคร การล่าแม่มดต้องดูดีกรี ดูเวลาด้วยว่า ระดับไหนที่จะเรียกว่า ล่าแม่มด ยกตัวอย่างว่าเราบริสุทธิ์ แล้วคสช.มาตามล่า แบบนี้เราคือเหยื่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก้ำกึ่งว่าใครตกเป็นเหยื่อกันแน่ ซึ่งเกมพลิก ทั้งที่ส่วนหนึ่งเราเป็นเหยื่อ อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าไม่กังวล รู้สึกคิดถูกที่ส่องแสงไปให้ผู้คนที่ไม่รู้ตัวตนได้แสดงตัว ซึ่งทราบว่าแกนนำบางพรรค กดอันฟอลโล่แล้ว

เมื่อถามว่า ถ้าเจ้าตัวมาขอโทษ จะให้อภัยจบจริงๆได้หรือไม่ นางอมรัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้หายโกรธแล้ว เราได้เปิดโปงตัวตนให้สังคมแล้ว วันหลังไปทำร้ายใครอีก ก็จะรู้ว่าเป็นใคร หากขอโทษก็รับ ไม่โกรธแล้ว แต่ต้องแยกว่าเราคุกคามจริงหรือไม่

เมื่อถามว่า นายนิยม นพรัตน์ หรือ “เค สามถุย” ยื่นประธานสภาฯ ให้สอบจริยธรรมด้วย นางอมรัตน์ กล่าวว่า ก็ทำไป ตนไม่ได้เป็นสส.แล้ว แต่เป็นที่ปรึกษารองประธานสภาฯ ก็ว่าไปตามกระบวนการ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img