วันอาทิตย์, พฤษภาคม 26, 2024
หน้าแรกHighlight‘วุฒิพงศ์’โวย‘การเมืองในพรรค’เล่นงาน แจง‘ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์’กับ‘ผู้เสียหาย’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘วุฒิพงศ์’โวย‘การเมืองในพรรค’เล่นงาน แจง‘ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์’กับ‘ผู้เสียหาย’

“วุฒิพงศ์” สส.ปราจีนบุรี “ก้าวไกล” เปิดใจครั้งแรกเสียงสั่น ผิดหวังขอโทษประชาชน ยอมรับถูกการเมืองในพรรคเล่นงาน บอกไม่มีคอนเน็กชั่นสส.ในพรรค ทำผลโหวตขับพ้นพรรค พร้อมโชว์หลักฐาน ยันไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ผู้เสียหาย เผยตอนนี้ยังไม่คุยเข้าพรรคไหน ขอทำงานต่อ เดินหน้าพิสูจน์ตัวเอง

เมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 เวลา 11.30 น.ที่รัฐสภา นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เปิดใจต่อสื่อมวลชนครั้งแรก หลังเกิดกรณีร้องเรียนคุกคามทางเพศ ผ่านไปแล้ว 20 วัน และพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ว่า ตอนนี้กระบวนการของพรรคสิ้นสุดลง และเห็นปฏิกิริยาของคนภายในพรรค โดยกระบวนการหลังจากนี้จะเข้าสู่การพิสูจน์ความจริง เพราะที่ผ่านมาได้รับความเสียหายทั้งโดยส่วนตัวและครอบครัว และออกตัวว่าไม่ใช่นักการเมืองที่จะแถลงเก่ง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่เคยได้ชี้แจงต่อสังคม รู้สึกอึดอัดมาโดยตลอดเพราะกระบวนการของพรรคยังไม่สิ้นสุด ไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อน เรื่องของ sexual-harassment ซึ่งมีหลายระดับการแสดงออก กรณีที่เกิดขึ้นภายในพรรคก่อนหน้านี้ก็ได้รับบทลงโทษความรุนแรงระดับปานกลาง แต่เคสของตนนั้นรู้สึกผิดหวังมีมติที่รุนแรงที่สุด ซึ่งกระบวนการทางคดีความภายนอก หรือกระบวนการยุติธรรมตำรวจเรื่องจะต้องเกิดภายใน 3 เดือน เรื่องความผิดของ สส. จะต้องเข้ามาเป็น สส. ก่อน แล้วกระทำความผิด แต่กรณีผู้ร้องเรียนเป็นเอกสารกระดาษ 200 หน้าที่อ้างถึงเหตุการณ์กระทำผิดตั้งแต่ช่วงปี 2565 ก่อนที่จะเข้ามาเป็น สส.

เมื่อถามว่า พรรคไม่ได้รับฟังข้อมูลที่ได้ชี้แจงหรือไม่ นายนายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า คำถามนี้ตอบยาก เพราะกระบวนการสอบสวนของพรรคที่รู้สึกอึดอัด เพราะยังมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในจังหวัด แต่มีการเพิกเฉย โดยนำเรื่องการคุกคามทางเพศถูกแทรกขึ้นมา นับแต่มีการปรากฏข้อมูลในโซเชียลมีเดีย 9 ต.ค.ที่ผ่านมาได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการวินัยของพรรคในวันที่ 10 ต.ค. แต่ผู้เสียหายได้เข้าให้การต่อพรรคก้าวไกลก่อนวันที่ 9ต.ค. ผู้เสียหายมีเจตนาที่จะปล่อยข้อมูลก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของพรรค ตนคิดว่าการแถลงของกรรมการบริหารพรรคบางคนล่วงหน้าถือว่าเป็นการชี้นำสังคมหรือไม่ และการแถลงก่อนที่จะมีการตัดสิน จึงถามความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำด้วยเหตุผลอะไร ยอมรับมติ สส. ของพรรคทุกคนโหวต มองเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ ก่อนจะเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเรื่องกระบวนการสอบของคณะกรรมการของพรรค โดยรับเคารพการตัดสินใจแต่ไม่ขอวิพากษ์ว่ากระบวนการเป็นธรรมหรือไม่

“กระบวนการสอบครั้งแรกวันที่ 10 ต.ค. กรรมการสอบวินัยมี 7 คนแต่มา 6 คน ได้พูดคุยอยู่กว่า 1 ชั่วโมงจากนั้นอีกครั้งหนึ่งวันที่ 30 ต.ค.เข้าสู่กระบวนการของกรรมการวินัยครั้งที่ 2 ได้เข้าห้องประชุมของกรรมการล่าช้า 1 ชั่วโมง จากนัด 10 โมง ได้เข้า 11 โมง ซึ่งกรรมการคนสุดท้าย จาก 7 คนเหลือเพียง 4 คน จึงรู้สึกข้อมูลที่ให้ต่อกรรมการไม่มีความสำคัญ และก่อนที่จะยุติการสอบสวนมีกรรมการคนที่ 5 เข้ามา ซึ่งความสำคัญระดับนี้ของผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในกระบวนการ” นายวุฒิพงศ์ กล่าว

สส.ปราจีนบุรี กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการวินัยสอบควรจะเป็นกรรมการที่เป็นแพทย์หรือเป็นจิตแพทย์ทางด้านนี้โดยตรง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ว่าผู้ที่ถูกคุกคาม มีความรู้สึกที่ถูกคุกคามจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการวินัยในการสอบไม่มีคนนอกแต่เป็น สส.ทั้งหมด

เมื่อถามว่า มองอย่างไรมติแตกต่างจากของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนเป็นส.ส.ภูธร ทำงานในพื้นที่หนัก มีหลายเรื่องมลพิษ ค่อนข้างมีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ แต่ไม่มีคอนเนกชั่นกับเพื่อนสส.ในพรรค ยืนยันว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในพรรค

เมื่อถามว่า แสดงว่าคนในพรรคเชื่อสส.นายไชยามพวาน มากกว่า นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า กระบวนการของเขาก็พยายามสืบสวนจากภายนอกด้วย ไม่ได้ต้องการเข้าสู่กระบวนการพรรค เพราะสส.หลายคนอึดอัด สส.ควรจะมีหน้าที่ร่างกฎหมาย ผลักดันวาระต่าง ๆไม่ต้องเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ ความจริงเรื่องนี้ปล่อยให้มีการพิจารณาในกระบวนการยุติธรรมทำได้ง่ายและไวกว่า แต่พรรคก้าวไกลใช้กระบวนการภายใน ถ้าสมมติว่าตนไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรคบางท่าน หรือเพื่อนสส.บางคนไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรคเหตุการณ์แบบนี้เก็เกิดขึ้นได้

“รู้สึกเสียใจว่าพรรคไม่ได้เปิดให้ตนเองได้พูดหรือชี้แจงต่อสังคม และวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาชี้แจงต่อสังคม และรู้สึกเสียใจว่าในกรณีคุกคามทางเพศ 2 เคส เช่นเดียวกัน แต่มติออกมาแตกต่างกัน ขอโทษโหวตเตอร์และประชาชนชาวปราจีนบุรีที่ทำให้ผิดหวัง และหลังจากนี้จะพิสูจน์ตนเอง ชาวบ้านยังให้กำลังใจและเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น แต่บางมีกลุ่มที่สร้างเพจมาโจมตี” นายวุฒิพงศ์ กล่าว

นายวุฒิพงศ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ขออุทธรณ์โทษในพรรค ขณะนี้ยังไม่ได้มองในการไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่หลังถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล เพราะเมื่อพ้นสภาพจากพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองอื่นย่อมต้องมองอยู่แล้วแต่ตนเองก็ต้องแสดงจุดยืนต่อพรรคการเมืองที่จะเข้าไปสังกัดใหม่ ส่วนปฏิกิริยาของคนในพรรคที่แสดงออก ต่อกรณีการคุกคามทางเพศ ที่กดดันทั้งที่กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่มีการตั้งตัวเป็นศาล ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับตั้งตัวเป็นศาล เพื่อตัดสิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายวุฒิพงศ์ได้ โชว์หลักฐานภาพ ที่ถูกแชร์ใน Twitter ซึ่งเป็นแชร์ ในโซเชียลมีเดีย บางภาพที่เป็นการจงใจทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ พร้อมนำโน้ตข้อความของผู้เสียหายที่ได้เขียนถึงตนเอง “ที่ระบุว่าผู้เสียหายยังคงต้องการจะลงพื้นที่ทำงานกับตนเองในทุกที่ทุกวัน และตลอดเวลาที่ออกไปทำงานมีความสุขไม่มีครั้งไหนที่ไม่อยากออกไปทำงาน” โดยได้นำโน้ตข้อความดังกล่าวไปปรึกษาจิตแพทย์ว่า ผู้ที่ถูกกระทำ ซึ่งมีบางข้อความแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็ได้รับคลิปส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมอีก 50 คลิป จึงตัดสินใจให้ผู้เสียหายยุติการทำงานกับตนเองตั้งแต่เดือนพ.ย.65

นายวุฒิพงศ์ ยืนยันว่า ตนให้ความสำคัญกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตเรื่องหลักฐานที่คณะกรรมการได้พิจารณาว่าเป็นเฉพาะการแคปข้อความบางส่วนเท่านั้น เพราะมีบางส่วนที่หายไป ซึ่งต่างกันกับกระบวนการสอบสวนยุติธรรมภายนอกที่จะต้องดูในมิติความเชื่อมโยงต่อเนื่อง แต่พยามจะนำหลักฐานให้กรรมการได้รับทราบในการสอบครั้งที่ 2 แต่ กรรมการเข้าไม่ครบ

“ยืนยันว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งหรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายเลย และไม่เคยให้ความหวังผู้ร้อง โดยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ตนเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่เคยคิดเรื่องใช้กำลัง ใช้อำนาจเป็นใหญ่ อย่างที่ได้ยินในสังคม” สส.ปราจีนบุรี กล่าว

สส.ปราจีนบุรี กล่าวว่า หลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องกระบวนการนอกพรรค เนื่องจากมีผลกระทบมากกว่าที่คิด ทั้งเรื่องการถูกขับออกจากพรรค การทำลายชื่อเสียงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว มีการบิดเบือนข้อมูลส่วนตัว ผิดพ.ร.บ.คอมฯ จึงขอยืนยันว่าจะไม่ลาออก จากตำแหน่ง สส. และขอโอกาสในการทำงานต่อ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการออกมาตอบคำถามอธิบายในครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ที่แม้แต่สส.ก็ไม่เคยได้ยิน และตนก็พร้อมที่จะ พิสูจน์ตนเองทุกขั้นตอนเนื่องจากผู้ร้องได้เดินทางไปยื่นร้องในทุกช่องทาง

เมื่อถามว่าตอนนี้สังคมกดดันอยากให้ ทั้ง2 สส.ลาออก เช่นเดียวกับกรณีกับสส.ที่เมาแล้วขับ ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า การที่ตนเข้ามาทำงานตรงนี้ คือการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จึงมีหลายประเด็นที่หากเราก้าวถอยก็มีหลายคนยิ้มรอ เพราะในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดโดยรอบมีตนเพียงคนเดียวที่เป็นสส.พรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามตนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2565 แต่พึ่งมาร้องเรียนในช่วงที่ตนได้รับตำแหน่งแล้ว และผู้ที่พามาร้องก็เป็นคนในพรรค จึงอยากให้ไปย้อนดูเพจก้าวไกลปราจีนบุรี ช่วงเลือกตั้งไม่มีรูปตนในเพจเลย และไม่มีแม้แต่การแสดงความยินดีในวันที่ชนะเลือกตั้ง และคนทำงานในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2 ปีก็หายไป

“ผมเข้ามาด้วยความยากลำบาก และผมคิดว่าจะดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องด้วย เพราะผมรู้จักเขารู้จังครอบครัวเขา ในช่วงแรกจึงลำบากใจที่จะออกมาพูดเรื่องนี้ แต่คนอยู่เบื้องหลังกลับดันเขามาอยู่เบื้องหน้า ผมจึงอยากทำให้ตนเองหลุดออกจากข้อครหาในเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่ได้มีเจตนาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เพียงแค่ต้องการที่ยืนในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างสง่างาม”นายวุฒิพงศ์ กล่าวและฝากฝากถึงพรรคก้าวไกลว่า หลังจากนี้ขอให้พรรคก้าวไกลปกป้องสส.และสมาชิกพรรค อย่าให้อะไรก็ตามที่ยิงมาโดนพวกเขาง่ายๆ เพราะทุกคนลำบากกว่าจะเข้ามา ต้องแบกรับความกดดันสูง ส่วนเรื่องคณะกรรมการวินัย อยากให้มี สัดส่วนภายนอกจริงๆ ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆจริงๆ เช่นตำรวจ จิตแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีสัดส่วน สส. น้อยที่สุดป้องกันการเมืองภายใน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img