วันอาทิตย์, พฤษภาคม 12, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯเผยผลเยือนศรีลังกาลุล่วงด้วยดี 2ประเทศเห็นโอกาสลงทุนร่วมกัน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯเผยผลเยือนศรีลังกาลุล่วงด้วยดี 2ประเทศเห็นโอกาสลงทุนร่วมกัน

นายกฯเผยผลเยือนศรีลังกาลุล่วงด้วยดี 2 ประเทศเห็นโอกาสลงทุนร่วมกัน รวมทั้ง จะมีข่าวดีโดยในวันที่ 31 มี.ค.การบินไทยจะกลับมาเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศศรีลังกาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 4 ก.พ.67 ที่ท่าอาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง สัมภาษณ์ถึงผลการเยือนประเทศศรีลังกา ว่า ผลการเยือนสำเร็จลุล่วงดีมาก ซึ่งตนดีใจเพราะว่าเป็นกลุ่มประเทศ เขตการค้าเสรี (FTA) ฉบับแรกที่รัฐบาลเซ็นมาได้ในทุกมิติ ซึ่งก็ต้องขอบคุณกระทรวงพาณิชย์กระทรวงการต่างประเทศที่ทำงานหนัก โดยมีการหารือกับภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลศรีลังกา ซึ่งก็เห็นโอกาสในการที่ทั้งสองประเทศจะพัฒนาและสารความร่วมมือให้ดีขึ้น ทั้งเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีเรื่องที่สานต่ออีกเยอะ

ทั้งนี้การเดินทางเยือนศรีลังกาถือเป็นครั้งแรกของตน ซึ่งก็เหมือนทุกประเทศที่ตนไปมาคือบอกว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดรับการลงทุน รวมถึงต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ในส่วนที่พูดน้อยไปหน่อยคือเรื่องศักยภาพของเอกชน หรือบริษัทใหญ่ๆของไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจอาทิ ปตท. ที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนข้ามชาติ โดยได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของประเทศศรีลังกาที่ต้องการพลังงานสะอาดที่มีเยอะ โดยมีหลายเขื่อนในประเทศที่สามารถทำระบบโซล่าเซลล์ได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตนจะเรียนเชิญ CEO และประธานกรรม บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาหารือว่าจะทำอย่างไร ในการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีอีกหลายประเทศที่ต้องการเทคโนโลยีของไทย ที่เราอาจจะมีเยอะกว่าเขา ก็ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีในการสานต่อการลงทุนข้ามชาติ

นอกจากนี้ จะมีข่าวดีโดยในวันที่ 31 มี.ค.ในปีนี้ ซึ่งการบินไทย ก็จะกลับมาเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศศรีลังกาอีกครั้งหนึ่ง เพราะจากการพูดคุยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องก็ทราบว่าในช่วงที่มีการบินอยู่ผู้โดยสารก็เต็มลำ วันนั้นก็หวังว่าจะสามารถสานสัมพันธ์ต่อได้

เมื่อถามว่า ในแง่ของการลงทุนที่ศรีลังกา มีอุปสรรค หรือต้องการให้ทางการไทยช่วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ก็ขาดแคลนเพียงด้านเทคโนโลยี ขณะที่เรื่องของการประมงก็จะมีการหารือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ส่วนภาคเอกชนก็จะมีการพูดคุยกันเองเพราะศรีลังกามีทรัพยากรทางน้ำเยอะมาก แต่วิธีการหรือเทคโนโลยีในการจับปลายังน้อยอยู่ ฉะนั้นถือเป็นช่องทางที่จะทำให้เอกชนไทยไปลงทุนได้ หรืออาจจะมีการพิจารณาตั้งโรงงานผลิตอาหารทะเลกระป๋องก็มีความเป็นไปได้สูง และหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ก็จะเป็นผู้ดำเนินการต่อ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img