วันศุกร์, พฤษภาคม 24, 2024
หน้าแรกNEWSฟังชัดๆ“โทนี่”ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ “ประยุทธ์” พร้อมแนะวิธีไล่พ้นนายกฯ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ฟังชัดๆ“โทนี่”ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ “ประยุทธ์” พร้อมแนะวิธีไล่พ้นนายกฯ

“โทนี่”ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ “ประยุทธ์”ด้วยคน ชี้เหนียวเกาะเก้าอี้โดยที่ทำงานไม่ได้ ลั่นควรเสียสละให้คนเก่ง พร้อมแนะวิธีให้ประชาชนไล่พ้นนายกฯ

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ใน Clubhouse Care คิด เคลื่อน ไทย ได้ Tony Woodsome หรือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วม ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดย ดร.ทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งว่า การวิจารณ์ในครั้งนี้เป็นไปด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลบนพื้นฐานผู้มีประสบการณ์การบริหารประเทศ ปราศจากอคติทางการเมือง

ดร.ทักษิณ ชี้ว่า พฤติกรรมการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ตนเองนึกถึง อดีตลูกน้องของตัวเองรายหนึ่งซึ่งสามารถทำงานได้ดีมากโดยตลอด และตนเองก็เลื่อนตำแหน่งให้ตลอดเช่นกัน ทว่าเมื่ออดีตลูกน้องผู้นี้ พาตนเองขึ้นมาสู่ตำแหน่ง ‘ผู้จัดการทั่วไป’ หรือ General Manager ได้แล้ว กลับทำงานได้ไม่ตามเป้าหมาย ไม่สามารถตอบโจทย์คำเรียกร้องจากองค์กรได้อีกต่อไป

อดีตนายกนัฐมนตรี กล่าวว่า  ขณะที่ตนศึกษาในระดับปริญญาโทนั้น ได้อ่านหนังสือสองเล่มคือ The Peter Principle และ The Peter Prescription และพบว่า ถ้าองค์กรหนึ่ง ๆ มีลำดับขั้นและลำดับชั้นมากเพียงพอ คนคนหนึ่งจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปจนถึงจุดที่เหมาะสมกับความสามารถตัวเอง และทุกคนรวมทั้งตัวคนคนนั้นจะมีความสุขที่สุดแล้ว

ทว่าเมื่อเลื่อนทะลุจุดที่คนคนนั้นมีความสามารถสูงสุดไปแล้ว ทั้งคนรอบข้าง องค์กร และตัวเขาเองจะอึดอัดเพราะความสามารถไม่ถึง ประสบการณ์ทำงานที่นายกฯ คนปัจจุบันของไทยมีอยู่แต่ในสายทหารเท่านั้น และเป็น “ทหารรับใช้อยู่ในวังกับสมเด็จพระพันปีหลวงมาตลอด”

“อารัคขาเก่ง ร้องเพลงเก่ง แต่งเพลงเก่ง ยังไม่เคยรบ แต่ประยุทธ์ยังแคบอยู่ แต่โลกไปไกลแล้ว”อดีตนายกฯ กล่าวสิ่งที่สะท้อนออกมาจากความประสบการณ์ไม่เพียงพอในการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ คือรูปแบบการแก้ปัญหาบ้านเมืองตลอดทั้ง 7 ปีที่ผ่านมา ผ่านการรวมศูนย์อำนาจเป็นหลัก เพราะ “ไม่มีความสามารถในการแบ่งงาน มอบหมายงาน”

ความเป็นทหารที่ไม่เคยหายไปจากตัว พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำให้ รูปแบบการมองพลเมืองไทยจึงละม้ายคล้ายพลทหารเข้าไปทุกวัน ๆ ทั้ง ๆ ที่การบริหารบ้านเมืองต้องมอบทั้งความเคารพและเห็นในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน “ผมไม่รู้ท่านรักพลทหารรึเปล่า แต่ท่านไม่รักประชาชน”

ดร.ทักษิณ เสริมว่า การจะแก้ปัญหาประเทศในยามวิกฤตนั้นต้องเป็นการแลกเปลี่ยนทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหาร อีกทั้งยังต้องไม่ใช่กลุ่มคนที่ในประเภท “ดีครับท่าน ถูกครับนาย”

“ถ้าท่านเชื่อผม ทำตามขั้นตอนที่ผมบอก สองอาทิตย์ผมมาบอกครั้ง แล้วมาวิจารณ์ครั้ง ผมเชื่อว่ามันแก้ปัญหาได้จริงๆ ผมห่วงบ้านเมือง ผมไม่สนใจท่าน ผมสงสารชาวบ้าน วันนี้มันอ่อนแอกันหมดแล้ว คนทำงานก็อ่อนแอลง เพราะตกงาน เอสเอ็มอีก็อ่อนแอ เพราะเดี๋ยวปิดเดี๋ยวเปิด”

อดีตนายกฯ ชี้ว่า พอจะเข้าสู่ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตัวเลขการตรวจผู้ติดเชื้อก็ลดลงทันทีเพราะอยากให้สังคมเข้าใจว่ามีผู้ติดเชื้อน้อยลง แต่เป็นตัวเลขที่ไม่ได้อยู่ในโลกความเป็นจริง

ดร.ทักษิณ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่นายกฯต้องเตรียมตัวคือ  ต้องเตรียมตัวเข้ากับความปกติใหม่ (new normal) เพราะหากไทยไม่เข้าสู่ความปกติใหม่ ประเทศจะเอาตัวไม่รอด  สองประเด็นที่รัฐบาลไทยต้องเร่งดำเนินการให้เกิดไวที่สุดคือ

people empowerment ผ่านการให้อำนาจประชาชนลิขิตชีวิตเขาเองท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดด้วยการจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 ให้เพียงพอ เพื่อที่ประชาชนจะได้มีภูมิคุ้มกันมากพอ ซึ่งในที่นี้คืออย่างน้อย 60% – 70% ของประชากรภายในปีนี้

การตรวจเชื้ออย่างทั่วถึง ซึ่ง ดร.ทักษิณย้ำว่า สิ่งนี้จะนำไปสู่การเตรียมตัวที่พร้อม ทั้งในการสั่งซื้อวัคซีนเพื่อเตรียมพร้อมรองรับเข็มที่สามหรือเข็มที่สี่ จากกรณีที่วัคซีนซิโนแวคไม่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอจะต่อสู้กับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ”กู้เงินมาเพื่อแก้ปัญหาโควิด ก็แก้สิ…ไม่งั้นคนประสาทแดกหมดแล้ว”

“วันนี้ประชุมท่านก็บอกว่าสวดมนต์ ไม่ทำผิดอะไร สวดมนต์ทำผิดก็มี คนเราในชีวิตมันผิดพลาดได้ แต่วันนี้คือท่านเหนียวเกาะเก้าอี้โดยที่ท่านทำงานไม่ได้ ท่านควรเสียสละหาคนที่มีฝีมือช่วยบ้านเมืองเถอะ ผมไม่ไว้วางใจท่านแน่นอน ผมดูท่านแล้ว ท่านต้องเสียสละ”

ดร.ทักษิณ ชี้ว่าวิธีที่จะให้ประยุทธ์ออก ดีสุด ง่ายสุด ไม่มีแก๊สน้ำตา คือให้ประชาชนที่อยากจะเปลี่ยนนายกฯ ทุกเขตเลือกตั้ง ไปหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ไปบอก ส.ส.ในเขตตัวเองเลยว่า “อย่ายกมือไว้วางใจประยุทธ์นะ ถ้ายกมือ คราวหน้าไม่เลือกแน่นอน เพราะได้รับความเดือดร้อน ตกงาน”

“ประชาชนทุกเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ สองวันนี้รีบเดินทางรวมตัว ไปบ้าน ส.ส. เราไม่เอาแล้วนายกคนนี้ ขอให้ยกมือไม่ไว้วางใจ ไม่งั้นคราวหน้าเจอกันไม่เลือกแน่ๆ”ส.ส.เหมือนไก่ชน ถ้าแพ้ เขาขาย กิโลละสามสิบห้าบาท ชนะขายกันเป็นล้าน ผู้แทนกลัวสอบตกทุกคน”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img