“เสรีพิศุทธ์” งัดคำพิพากษา แถลงข่าวโชว์ ย้ำชัดเจน “สิระ เจนจาคะ” เคยถูกศาลแขวงปทุมวัน สั่งจำคุก 4 เดือน ในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ฐานฉ้อโกง เข้าข่ายคุณสมบัติขัด รธน. มาตรา 98(10) ชงเรื่องต่อให้ “ปธ.ชวน” ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งส.ส. และยื่นเรื่องร้อง กกต.-ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดีต่อ ชี้หากผิดจริงต้องคืนเงินหรือสิทธิ์ต่างๆ ที่เคยได้คืนทั้งหมด
เมื่อเวลา 14.15 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงว่า เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่า นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยต้องโทษคดีต่างๆ มีการส่งข้อมูลมาให้ตนในฐานะประธาน กมธ. ขอเรียนว่า กมธ. และพรรคเสรีรวมไทย ยึดมั่นตัวบุคคลเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ถ้าเป็นคนดี เราก็ยินดีด้วย และสนับสนุนกันและกัน แม้จะเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ถ้าไม่ดี เราก็ไม่เอาด้วย กรณีนายสิระ เมื่อมีการร้องเข้ามา ก็เป็นหน้าที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และในฐานะ อดีตผบ.ตร. ก็ทำการตรวจสอบ ได้คำพิพากษา มา 4 เรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับนายสิระ จะใช้ชื่ออะไรก็แล้วแต่ ตรวจสอบแล้วคือคนเดียวกัน
ทั้งนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้นำคำพิพากษา 4 ฉบับมาแถลงด้วยคือ
1.ศาลแขวงปทุมวัน พิพากษาเมื่อ 21 พ.ย.2538 ฟ้องความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เรื่องฉ้อโกง จำเลยรับสารภาพ เหลือจำคุก 4 เดือน
2.ศาลแขวพระนครใต้ วันที่ 6 พ.ย. ถูกจำคุกรวม 1 ปี ข้อหาออกเช็ค
3.ศาลจังหวัดแพร่ เมื่อปี 2550 ความผิดเรื่องความผิดต่อร่างกาย ไปเตะกรามคนอื่นหัก จำคุก 1 ปี 6 เดือน รับสารภาพ โทษก็รอลงอาญา
4.ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2550 ขับรถชนคนตาย รับสารภาพ จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โดยรอลงอาญา
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อคุณสมบัติของนายสิระ ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 98(10) ว่าด้วย “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุด ว่าได้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับทรัพย์” กรณีนายสิระ คำพิพากษาที่ 1 ของศาลแขวงปทุมวัน จึงมีคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ก็จะเข้าเงื่อนไขดังกล่าว เพราะถูกจำคุกจริงๆ เกี่ยวกับทรัพย์คือฉ้อโกง ดังนั้น พรรคเสรีรวมไทย จะทำเรื่องเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ถอดถอนนายสิระ ออกจากการเป็นส.ส. เพราะมีคุณสมบัติต้องห้าม ถ้าส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องพิจารณาว่ามีเหตุอันสงสัยหรือไม่ว่ากระทำความผิด ถ้ามีเหตุ ก็อาจสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้
“เมื่อรู้ว่าตัวเองมีคุณสมบัติต้องห้าม ต้องรู้ตัวเอง เวลาไปสมัครที่กกต. เค้าบอกไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม ถือว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ก็จะเสนอไปยัง กกต. ให้ดำเนินคดี และป.ป.ช. ให้ไต่สวน ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าศาลเห็นว่า รู้ตัวเองว่าขาดคุณสมบัติ ก็ต้องพิพากษาตามมาตรา 151 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.-ส.ว. จะมีโทษจำคุกและปรับ และต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งด้วย อีกส่วนหนึ่งคือ เงินเดือนส.ส.ที่รับมาตั้งแต่ได้รับการประกาศให้เป็น ส.ส. ตั้งแต่วันแรกถึงวันพ้นหน้าที่ เป็นจำนวนเงินเท่าใด ต้องคืนหมด เบี้ยประชุมต่างๆ ที่เบิกไป ก็ต้องคืนหมด นายสิระบินไปที่ไหน ไปทำอะไร เมื่อเบิกเงินจากสภาฯ ต้องคืนหมด สรุปแล้วต้องคืนหมด”พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
ต่อมาในเวลา 15.30 น. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ในคดีฉ้อโกงเมื่อ 25 ปีที่แล้วว่า โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และผู้ร่วมแถลงข่าวทุกคน รวมถึงสื่อที่นำเสนอข่าวนี้ รอรับหมายศาลฐานหมิ่นประมาท”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง…
เล็งเด็ดหัว ส.ส.พปชร. ขาดคุณสมบัติ
