“ไพศาล พืชมงคล” เตือนม็อบเด็กถูกหลอก เข้าใจ “คณะราษฎร์” ในอดีตผิดไปหมด เชื่อต่อไปจะยกระดับเปิดแนวรบต่างประเทศ เชิญชวนนักล่าอาณานิคมเข้าแทรกแซงไทย เปรียบเหมือน “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” ไปวุ่นกับสถานทูตต่างๆ ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า… “พ้นกำหนดเส้นตาย 22 น. ของเมื่อวานแล้ว!!! ม็อบจะทำอะไร??? พยากรณ์ว่า จะเป็นการยกระดับเปิดแนวรบต่างประเทศ!!!! เป้าหมายคือเชิญชวนนักล่าอาณานิคมเข้ามาแทรกแซงประเทศไทยอย่างเป็นทางการ!!!!! อาจมีการชุมนุมเดินขบวนไปยังสถานทูต 17 แห่ง แต่ของจริงมี 8 แห่ง ที่เหลือเป็นตัวอำพราง!!! ก็จะเป็นเรื่องโด่งดังสะท้านทั่วโลก และถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นก็ยิ่งดังสนั่น ใช่ไหมครับ!!!!”
นายไพศาล ยังโพสต์ข้อความอีกตอนหนึ่งว่า “ม็อบเด็กเข้าใจคณะราษฎร์ผิดพลาดมาก!!!
1.เคยเข้าใจว่านายปรีดีเป็นพวกล้มเจ้า จึงเชิดชูเป็นไอดอลในระยะแรก ครั้นความจริงปรากฎว่านายปรีดีคือผู้พิทักษ์เจ้า ก็หันไปยกนายทหารกลุ่มหนึ่ง
2.ความจริงในคณะนายทหารนั้นมี 2 พวก คือพวกเผด็จการทรราชที่เป็นขี้ข้าต่างชาติที่โกงชาติมหาประลัย กับพวกทหารเชื้อพระวงศ์ที่อยากเป็นเจ้า
3.ตอนแรกพวกล้มเจ้า สัญญาจะยกทหารเชื้อพระวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ แต่ต่อมาไม่ไว้ใจ เกรงจะถูกหักหลัง และแย่งชิงอำนาจกันเองจนพัง
4.คณะราษฎร์กลุ่มล้มเจ้าเห็นทหารและราษฎรส่วนมากภักดีเจ้า จึงลดการคุกคามเจ้า แต่ก็โกงชนิดฉิบหายวายวอด และปล้นสดมภ์สมบัติพระคลังข้างที่มาแบ่งกันเพลิน ขนาดลูกน้องระดับ “ขุน” ก็ปล้นจนรวยมหาศาล!!!
นี่ไงคณะราษฎร์ที่หลอกเด็กให้เข้าใจผิดหลงมานับถือตั้งเป็นชื่อมวลชน! แท้จริงเป็นเผด็จการ ที่ขายชาติ คดในข้องอในกระดูก และเป็นนักปล้นสดมภ์!!! อายเขา เสียชื่อคนรุ่นใหม่หมด!!! วันหนึ่งเมิ่อทราบความจริงดีแล้ว คงจะต้องอ้วกย้อนหลัง!!!“
อีกตอนหนึ่ง นายไพศาล ระบุถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า “เพราะแกนนำไม่รู้สถานการณ์!!! จึงชี้นำม็อบ ให้ไปวุ่นวายกับฮ่องกง ลาวและกัมพูชา จึงถูกฮ่องกง ลาวและกัมพูชา ตะเพิด เฉดหัว หงายท้องตามๆกัน!!! นี่กำลังชี้นำให้ ลูกเด็กเล็กๆ “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” ไปวุ่นกับสถานทูตเยอรมันอีกแล้ว!!!
ก็ต้องขอเตือนว่าการทำเช่นนั้น โลกนิติบัญญัติว่าเป็นอุบาทว์ (จะเกิดเหตุร้ายมาจากภายนอก) และจัญไร (จะเกิดเหตุร้ายมาจากภายใน) และไม่เกิดประโยชน์ใดๆ หรอก“
