วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกNEWS“จตุพร-นิติธร”ระบุปี่กลองลต.ดังขึ้น การเมืองแบบชั่วร้ายเดิมจะย้อนกลับมาอีก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จตุพร-นิติธร”ระบุปี่กลองลต.ดังขึ้น การเมืองแบบชั่วร้ายเดิมจะย้อนกลับมาอีก

“จตุพร-นิติธร” ระบุปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น การเมืองแบบชั่วร้ายเดิมจะนกลับมาหลอกประชาชนอีก  จวกประชานิยมค่าแรงขั้นต่ำ 600 บ. เป็นแค่ความเพ้อฝันหวังหลอกขอคะแนนเสียง แล้วลงท้ายทำไม่ได้

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.65 นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน มีอรุโณทัย ศิริบุตร ดำเนินรายการ โดยระบุถึง”เสียงปี่กลองเลือกตั้งดัง จะนำไปสู่ขบวนการทางการเมืองที่ต้องลำหักลำโค่นกันเพื่อแย่งชิงเสียงจากประชาชน แต่เบื้องลึกแล้วจะเกิดการต่อรองทั้งค่าตัว ส.ส. และรูปแบบของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง

นายนิติธร กล่าวว่า ทันทีที่เสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น ค่าตัว ส.ส.ทุกพรรคจะเริ่มขยับขึ้นถี่เช่นกัน ขณะเดียวกันก็มีขบวนการตัดกำลังเช่นกัน แต่ทุกอย่างย่อมไม่เป็นความจริง เนื่องจากอยู่ด้วยความต้องการของชาวบ้านมากที่สุด เพื่อจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม มีเพียงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าภูมิใจไทย พรรคเดียวที่พร้อมเป็นนายกฯ แต่พรรคอื่นๆยังไม่ปรากฎการประกาศตัว พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ประกาศความพร้อมเป็นนายกฯ ออกมาเช่นกัน ส่วนการเสนอนโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาทต่อวัน ทักษิณ ชินวัตร บอกไทยยังมีเงินอีกมาก ดังนั้นการเสนอเช่นนี้ ถ้าเศรษฐกิจปี 2570 ดีจริงค่าแรงขั้นต่ำต้องไม่ต่ำ 1,000 บาทต่อวัน แต่ราคา 600 บาทต่อวัน จะต่ำมากๆ และควรต้องมีตั้งนานกว่า 20 ปีมาแล้ว

“การเสนอค่าแรง 600 บาทต่อวัน ที่น่าสนใจคือ เจตนาทำจริงหรือไม่ หรือเอาแต่พูดเลอะเทอะไปเรื่อย หรือเพียงเพื่อไทยเสนอให้ตรงความต้องการของประชาชน แล้วจะได้เสียงเลือกตั้ง ถามว่าแล้วเพื่อไทยผ่านมา 4 ปี ทำไมไม่ทำ พรรคก้าวไกลยังเสนอ พรบ.สุราเสรี แม้ไม่ผ่านสภาก็ได้พยายามทำให้เป็นจริงจังตามที่ประกาศไว้แล้ว”

นายนิติธร กล่าวว่า เมื่อเสียงปี่กลองดังขึ้นแล้ว สิ่งที่จะตามมาขณะนี้คือ นโยบายขายฝันจะตามมาอีกหลายพรรคการเมือง และจะรวมหัวกันหลอกประเทศ ประชาชนกันอีก ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกอยู่อีก 2 ปี ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ต้องแก้ค่าไฟฟ้าที่มีส่วนต่างมากมาย ต้องยกเลิกการผูกขาดสินค้าจนประชาชนถูกตัดขาดจากโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งค่าน้ำมันจะทำอย่างไรให้ถูกลง ต้องตอบมาให้ชัดเมื่ออยากจะอยู่อีก 2 ปีจนถึงปี 2568

นอกจากนี้ นายนิติธร กล่าวว่า เมื่อเสียงปี่กลองดังขึ้นแล้ว จะเกิดสื่อมวลชนเลือกข้างขึ้นมาชัดเจน แต่ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย อย่างแท้จริง สิ่งน่าสงสัยคือ จะเลือกตั้งทำไมเมื่อมี ส.ว. 250 คนแล้ว ดังนั้น จะบอกได้เลยว่า เสียงปี่กล่องนี้จะนำไปสู่สุคติ

นายจตุพร กล่าวว่า ปรากฎการณ์การออกอาวุธทางการเมืองขณะนี้ เป็นการเริ่มต้นเท่านั้น แต่อย่าเชื่อทุกอย่างจะราบรื่น เพราะ 13 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) จะชี้มูลความผิดการขายข้าวจีทูจี จากนั้นจะมีขบวนการออกแบบจัดการพรรคการเมืองตรงข้าม อาขเป็นแบบมุ่งกระทืบกันให้ระส่ำระสาย ซึ่งเป็นทิศทางการเมืองอย่างนั้น

นอกจากนี้ หลังเพื่อไทยประกาศนโยบายออกแล้ว พรรคต่อไปจะเสนอนโยบายประชานิยมที่หนักกว่าเพื่อให้เข้าตาประชาชน แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ การประกาศค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันนั้น จะทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นไปแล้ว แต่ยังไม่มีรายรับเกิดขึ้นอย่างใด

“ถ้าประยุทธ์ ทำค่าแรงขั้นต่ำตามสัญญา 425 บ.ให้ได้ แต่ก็ทำไม่ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายก็ถีบตัวขึ้นไปไกลแล้ว เมื่อเพื่อไทยประกาศ 600 บ. ในปี 2570 สิ่งที่น่าคำนึงคือ ค่าครองชีพจะมากตามตัวไปด้วย แล้วรายรับจะเหลือเท่ากับค่าใช้จ่ายหรือไม่ ดังนั้น รายเหลือจึงสำคัญในการเก็บออมของชีวิตเช่นกัน แต่ทุกอย่างของรายรับยอมไปจบที่ธุรกิจเจ้าสัวเหมือนเดิม”

นายจตุพร กล่าวว่า ผู้ปกครองที่ดีงามต้องหิวเป็น อิ่มเป็นและรู้จักพอ บ้านเมืองจึงจะไปได้ แต่วันนี้บ้างเมืองไม่รู้จักพอกันทั้งสิ้น จึงกลายเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วนำไปสู่การล้มกระดาน ถ้าทุกงบประมาณต่อไปนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ บ้านเมืองไทยก็จะไม่จมแบบเดิมและล้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดอันเป้นไปทางการเมืองมาทุกครั้ง

“ถ้าไม่โกงกันจริงประเทศก็ไปได้ การเมืองก็ไม่เข้าสู่วงจรอุบาทว์ ผมเห็นมาแล้ว และก็จะเป็นไป แล้วจะลามไปถึงเห็นจุดจบแบบเดิม แต่สถานการณ์จะหนักยิ่งขึ้น ดังนั้น หลังจากนี้ไปความชุลมุนจะเกิดขึ้น เมื่อประกาศค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ก็อาจจะถูกหักล้างในวันที่ 13 ธ.ค. และเชื่อว่า ในปี 2570 ค่าแรงจะมากกว่า 600 บาทด้วยซ้ำไป”

นายจตุพร กล่าวว่า ในกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามพูดไปรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นการตีเนียนกันที่สุด แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหนือชั้นกว่า การเอานายมิ่งขวัญ มาเป็นมือเศรษฐกิจ และแคนดิเดทนายกฯของ พปชร.ด้วย คงเป็นการคุยส่วนตัวกับ พล.อ.ประวิตร มากกว่า

สิ่งสำคัญคือ ถ้ายังเลือกตั้งไม่เสร็จมิ่งขวัญยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นคนมาเถียงแทนให้ พปชร. ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องลำบาก แต่ พปชร.จะเป็นพรรคการเมืองบริบูรณ์ขึ้น พร้อมสามารถปลดด้านเศรษฐกิจในช่วง 4 ปีผ่านมาได้ค่อนข้างชัด อีกทั้งเถียงแทนกับพรรคฝ่ายค้านได้ด้วย

“ถ้ายังอยู่ด้วยกันจะเป็นหาเสียงได้ยากที่สุด เมื่อแยกกัน แล้วเอามิ่งขวัญมาจึงเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้อย่างยิ่ง สิ่งสำคัญคนระดับนำใน พปชร. ไม่สามารถทำงานในระดับ เศรษฐกิจเถียงแทนที่มิ่งขวัญจะทำ ดังนั้น จึงเป็นความเขี้ยวของ 3 ป.”

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศอยู่ในตำแหน่งทางการเมือง อาจเป็นนายกฯ อีก 2 ปีเท่านั้น ดังนั้น ในช่วงเวลานั้นจะเกิดการเอาใจพรรคการเมือง และประชาชนอย่างมาก ยิ่งจะสนองต่อการแก้ รธน. 60 ดังนั้น จึงระวังเล่ห์การแก้ รธน.ในส่วนการตำแหน่งนายกฯไม่เกิน 8 ปี

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img