วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกNEWSประเทศเปิดแล้ว! นายกฯ เผยหารือภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ในจีนประสบความสำเร็จ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ประเทศเปิดแล้ว! นายกฯ เผยหารือภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ในจีนประสบความสำเร็จ

เศรษฐา” เผยหารือภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ในจีนประสบความสำเร็จ มั่นใจมาขยายลงทุนเพิ่มในไทย เหตุเห็นจุดแข็ง-ความพร้อม ลั่นประเทศไทยเปิดแล้ว

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์สรุปภาพรวมการหารือกับภาคเอกชนของจีนวันแรก ว่า ได้มีการพูดคุยพบปะกับภาคเอกชน 5 บริษัท โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ร่วมพูดคุยด้วย โดยบริษัทแรกCITIC ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจภาคการเงินและอุตสาหกรรม และมีการลงทุนอยู่แล้วประเทศไทยในบางส่วน ซึ่งเขาสนใจในเรื่องของพลังงานสะอาด ซึ่งตรงกับที่ประเทศไทยมีความสนใจ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นบริษัทที่ผลิตล้อแม็กที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ถือเป็นความต้องการของรถไฟฟ้าด้วย ตนได้ชี้แจงไปว่าปัจจุบันไทยมี บริษัทที่ผลิตรถอีวี จากประเทศจีนถึง 4 ราย และอีก 2 รายกำลังรอที่จะตามเข้ามา ดังนั้นถ้าหากเขาตั้งโรงงานผลิตล้อแม็กที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยก็เป็นการประกันได้ว่าเขาจะมีธุรกิจต่อเนื่องได้ ซึ่งเขารับปากพูดคุยและจะดูต่อ

นายกฯ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับบริษัท CRRC Group มีเป้าประสงค์ที่การผลิตรถไฟฟ้า และ เชี่ยวชาญในเรื่องระบบรางมากที่สุดรายหนึ่งในโลก และเขาขายหัวรถจักรให้กับประเทศไทยอยู่แล้ว เขาเห็นธุรกิจในการเติบโตในการส่งออกสูงมากขึ้นเรื่อยๆในต่างประเทศ จึงหาช่องทางที่จะมาสร้างโรงงานผลิตรถไฟฟ้าที่ไทย ซึ่งตนก็แจ้งไปว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งหากเขาสามารถมาสร้างโรงงานผลิตหัวรถจักรหรือขบวนรถไฟได้ที่ไทย ก็จะเป็นจุดส่งออกต่อไปให้ทั่วโลก

ส่วนบริษัทที่ 3 บริษัท Ping An Group บริษัทด้านประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีธุรกิจทางด้านธนาคารด้วย ซึ่งตนได้พูดติดตลกไปว่ามาเมืองไทยตั้งนานแล้วแต่ทำไมลงทุนน้อยจัง รู้สึกน้อยใจอยู่บ้างว่ามาเมืองไทย แต่ทำไมยังลงทุนน้อยอยู่ ซึ่งเขาก็รับปากว่าจะช่วยดูว่าจะมาลงทุนได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ปัจจุบันเขามีการลงทุนกับภาคเอกชนบ้างแล้วแต่ยังไม่ใหญ่พอ

นายกฯ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้พบกับบริษัท Xiaomi ซึ่งเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีการตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคนี้ที่ประเทศไทย แต่ยังไม่มีฐานผลิต ตนได้ยืนยันไปว่า เรื่องโลจิสติกส์การขนถ่ายสินค้าของเราออกไปทั่วโลก อนาคตของเราจะดีมาก One Belt One Road และจะมีเรื่องของแลนด์บริดจ์ ในอนาคตด้วย จึงอยากให้เขาพิจารณาตั้งโรงงานทั้งการผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งเขายินดีที่จะศึกษา

นายกฯกล่าวอีกว่า และสุดท้ายบริษัทที่ตนได้พบบริษัท Alibaba International Digital Commerce Group ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีสำนักงานอยู่ในไทยแล้วผ่านบริษัท Lazada ตนก็ได้ฝากว่าจุดสำคัญที่สุดจุดหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย ซึ่งเขารับปากว่าจะดูแลให้ นอกจากนี้เขายังมีธุรกิจออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยว แพลตฟอร์มที่ชื่อ Friskies หรือหมูบิน เป็นแพลตฟอร์มท่องเที่ยว ปัจจุบันส่งนักท่องเที่ยวมาเมืองไทยประมาณร้อยละ 30 ซึ่งถือว่าเยอะมาก ปัจจุบันมีสำนักงานย่อยที่เมืองไทยมีพนักงาน 3-4 คน ซึ่งได้มีการแนะนำให้เราทำในเรื่องของความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจีน

“เข้าใจว่าจากการพบปะพูดคุยทั้ง 5 บริษัท ประสบความสำเร็จดี และเข้าใจในเจตนารมณ์ของประเทศไทยดีขึ้นว่าการที่เรามา One Belt One Road นี้เพื่อชี้แจงในเรื่องของโลจิสติกส์ ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยในอนาคต รวมทั้งได้มีโอกาสพูดคุยแผนอนาคตที่จะขยายในเรื่องของแลนด์บริดจ์ รวมทั้งจุดโน้มน้าวที่จะให้เขาเข้ามาลงทุน โดยมีมาตรการทางด้านภาษีมาสนับสนุนด้วย ซึ่งทุกคนดีใจและกระตือรือร้นที่จะเข้ามาทำธุรกิจมากขึ้น เพราะประเทศไทยได้เปิดแล้ว” นายกฯกล่าว.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img