เอกชนผิดหวังต่อมาตรการอสังหาริมทรัพย์ ลดค่าโอน-จดจำนองน้อยกว่าเดิมไม่ช่วยกระตุ้นตลาด สวนทางที่ดินจ่อปรับขึ้นราคา 8-10% ในปีหน้า
นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า จากกรณีที่ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้วยการ ลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากเดิม 1% เหลือ 0.01%สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด (ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2) เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญาว่า
รู้สึกผิดหวังกับมาตรการของรัฐที่ออกมา เพราะเข้าใจว่า ภาครัฐน่าจะขยายมาตรการลดค่าโอน และค่าจดจำนอง ไว้ที่ระดับเดิม ที่ 0.01% ออกไปอีก 1 ปี รวมทั้งขยายฐานมูลค่าทรัพย์สินจาก 3 ล้านบาท เพิ่มเป็น 5 ล้านบาท หรือ ให้ลดค่าธรรมเนียมใน 3 ล้านบาทแรก ตามที่สมาคมฯได้เสนอไปก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐจะลดค่าเนียมการโอนจาก 2% เป็น 1% แต่ยังเป็นอัตราที่เป็นภาระกับผู้ซื้ออยู่ดี เพราะปี 2566 ราคาประเมินที่ดินไทยได้ประกาศเพิ่มขึ้นล่วงหน้าไปแล้ว โดยปรับเพิ่มขึ้น 8-10% ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าโอนที่อยู่อาศัยให้เพิ่มขึ้น และไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์มากนัก
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย กล่าวว่า รัฐอาจมีเหตุผลทางด้านการคลังทำให้ปรับลดค่าโอนและจดจำนองน้อย และเป็นอัตราที่แตกต่างกันมาก เมื่อเทียบกับการปรับลดในรอบก่อน ที่ลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01%
ทั้งนี้ผู้บริโภคต้องรับภาระเพี่มขึ้น จากเดิมบ้านราคา 1 ล้านบาทต้องจ่ายภาษีค่าโอนและจดจำนองประมาณ 100 กว่าบาท ต้องเพิ่มเป็น 10,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 100 เท่า ประกอบกับรัฐ มองว่า ธุรกิจอสังหาฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัวหากเทียบกับช่วงเกิดโควิด-19 และมีแรงส่งเพียงพอที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัว
