วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกHighlightแบงก์เร่งปรับโครงสร้าง-ตัดขายหนี้ กดเอ็นพีแอลชะลอ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แบงก์เร่งปรับโครงสร้าง-ตัดขายหนี้ กดเอ็นพีแอลชะลอ

ธปท. เผยตัวเลขเอ็นพีแอลปี 65 ลดลง หลังแบงก์เร่งปรับโครงสร้างหนี้-ตัดขายหนี้ หวั่นปีนี้ค่าครองชีพสูง ดอกเบี้ยพุ่ง กระทบขีดความสามารถชำระหนี้ ลุ้นต่ออายุมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู-ปรับตัว พักทรัพย์พักหนี้ใกล้หมด 9 เม.ย.นี้

น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลลดจากการปรับโครงสร้างหนี้ และบริหารจัดการคุณภาพหนี้ของธนาคารพาณิชย์ปี 65 หลังจากที่ธนาคารได้มีการตัดขายหนี้ออกไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี) และมีขายออกให้กับบริษัทร่วมทุนเจวี เอเอ็มซี ซึ่งได้รับซื้อหนี้เสียไปจำนวนหนึ่งแล้ว ทำให้ยอดหนี้เอ็นพีแอลลดลงจาก 2.77% ในไตรมาส 3 ปี 65 เหลือ 2.73% ในไตรมาสที่ 4 ปี 65 มียอดหนี้ 4.99 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์หนี้ของไทย จากข้อมูลล่าสุดไตรมาส 3 ปี 65 หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ที่ 86.8% ต่อจีดีพี โดยคาดว่าปีนี้ครัวเรือนอาจได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้อาจเห็นหนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลทยอยเพิ่มขึ้นได้ แต่ไม่ถึงกับน่ากังวลและจะไม่เกิดหน้าผาเอ็นพีแอล เพราะในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นและประเทศจีนได้เปิดประเทศทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยมากขึ้นทำให้สถานการณ์ โดยรวมปรับดีขึ้นตามไปด้วย

สำหรับเอ็นพีแอลปี 65 หากเทียบกับช่วงโควิด ถือว่าปรับตัวดีขึ้น โดยบางธุรกิจก็ฟื้นตัวชัดเจน ส่วนเอ็นพีแอลที่จะทยอยขึ้นนั้นโดยธรรมชาติของการปล่อยสินเชื่อก็จะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ซึ่งจะมาจากค่าครองชีพที่สูงและดอกเบี้ยที่สูงในปีนี้ แต่เรื่องดอกเบี้ยธปท.จะทยอยปรับขึ้นไม่ให้กระทบหนัก เพราะยังมีบางกลุ่มที่รายได้ยังไม่กลับมาฟื้นตัวเต็มที่จากช่วงโควิด

นอกจากนี้ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาต่ออายุมาตรการทั้งมาตรการสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู ที่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นสินเชื่อเพื่อการปรับตัว โดยจะสามารถขยายต่อไปได้อีก 1 ปี และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ ซึ่งทั้ง 2 มาตรการจะหมดอายุในวันที่ 9 เม.ย.นี้

ส่วนมาตรการแก้หนี้ระยะยาวจะหมดอายุสิ้นปี 66 เชื่อว่าแม้มาตรการจะหมดแต่ธนาคารพาณิชย์ก็ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อยู่ และธปท. ขอให้สถาบันการเงินและนอนแบงก์ช่วยเหลือลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถชำระหนี้หรือรายได้ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวมีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้ว 6.5 หมื่นราย ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4-5 หมื่นราย

สำหรับความคืบหน้าของมาตรการฟื้นฟูฯ ข้อมูล ณ วันที่ 13 ก.พ.66 พบว่าสินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อเพื่อการปรับตัววงเงิน 2.5 แสนล้านบาท มีการอนุมัติไปแล้ว 212.362 ล้านบาท มีผู้ได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว 59,891 ราย โดยกระจายตัวครอบคลุมทุกธุรกิจและทุกภูมิภาค แบ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กและเอสเอ็มอี 74.60%

ธุรกิจพาณิชย์และบริการ 68% และลูกหนี้ในต่างจังหวัด 69.9% ส่วนโครงการพักหนี้พักทรัพย์ มียอดอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้ว 64,966 ล้านบาท ขณะที่คลินิกแก้หนี้สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะมีหนี้เสีย รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท ได้มีการขยายเกณฑ์คุณสมบัติให้ครอบคลุมถึงหนี้เสียก่อน 1 ก.พ.66 สามารถสมัครได้ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (20 ก.พ.) เป็นต้นไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img