วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlight“สศช.”แนะ“รัฐบาลใหม่”ขยายตลาดใหม่-ส่งออก-เจรจาการค้าเพิ่ม
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สศช.”แนะ“รัฐบาลใหม่”ขยายตลาดใหม่-ส่งออก-เจรจาการค้าเพิ่ม

“สศช.” ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้โตเพียง 2.7% ขณะที่ปริมาณการค้าโลกโต 2.1% จากปี 65 โตถึง 5.1% หลังจากเศรษฐคู่ค้าไทยรายสำคัญชะลอตัว ฉุดส่งออกติดลบ 1% แนะรัฐบาลใหม่วางแผนขยายตลาดใหม่-เจรจาการค้าควบคู่ไปกับมาตรการกีดกันทางการค้า ทั้งมาตรการภาษี-ไม่ใช่ภาษี เพื่อนำไปสู่การเจรจาต่อรอง

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวได้ 2.7% ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ 3.4% ขณะที่ปริมาณการค้าโลกในปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 2.1% ลดลงจากปี 2565 ที่ขยายตัวได้ 5.1% ซึ่งการทีปริมาณการค้าโลกชะลอลงจากปีที่แล้วจะส่งผลต่อภาคการส่งออกทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย โดยการส่งออกปีนี้จะหดตัวประมาณ 1% เมื่อคิดจากมูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์ ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่การส่งออกขยายตัวได้ 4.2%

โดยประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่และคู่ค้าของไทยส่วนใหญ่มีแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากในปีที่ผ่านมา หรืออยู่ในระหว่างฟื้นตัวกลับมาภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แก่ สหรัฐฯที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 0.9% ขยายตัวลดลงจากปี 2565 ที่เศรษฐกิจขยายตัว 2.1%

ส่วนประเทศในกลุ่มยูโรโซนเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 0.5% เท่านั้น ลดลงจากปีก่อนที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ 3.5% ส่วนจีนเศรษฐกิจขยายตัว 4.9% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปีนี้ขยายตัวได้ 1.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่ขยายตัวได้ 1%

สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนในหลายเรื่อง รวมทั้งปริมาณการค้าโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ส่งผลกระทบกับภาคการส่งออกของไทยที่มีการติดลบต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้แก้ไขปัญหาของภาคการส่งออกของไทยถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง

โดยสศช.ได้บรรจุประเด็นนี้ไว้ในประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาลด้วยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2566 รัฐบาลควรให้ความสำคัญ การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับ การเร่งรัดการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่ยังเติบโตได้ในเกณฑ์ดี และการสร้างตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง

ดนุชา พิชยนันท์

โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และอาเชียน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อให้สามารถส่งออกนำเข้าสินค้าได้ง่ายขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้า  และทำให้การค้าชายแดนมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นได้

ขณะเดียวกันรัฐบาลใหม่ควรเร่งเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และเตรียมศึกษาเพื่อเจร๊จากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ควบคู่ไปกับการศึกษามาตรการกีดกันทางการค้า ทั้งมาตรการภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษีของตลาดคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะมาตรการที่เกี่ยวข้องทางด้านสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเตรียมการและนำไปสู่การหาแนวทางเจรจาต่อรองต่อไป

นอกจากนี้ยังควรให้ความสำคัญกับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตร้ อาหาร และสินค้าอุตสาหกรรม ให้มีคุณภาพและมาตรฐานตรงตามความต้องการและข้อกำหนดของประเทศ

ผู้นำเข้า ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อยกระดับผลิตภาพการผลิตมากขึ้นเพื่อให้สินค้าส่งออกของประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img