วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlightธุรกิจรายย่อยทุนต่ำกว่า 1 ล้านเจ๊งสูงสุด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ธุรกิจรายย่อยทุนต่ำกว่า 1 ล้านเจ๊งสูงสุด

พาณิชย์เผยธุรกิจเลิกกิจการเดือนส.ค.มีจำนวน 2,007 ราย มูลค่ากว่า 7,038 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารเจ๊งสูงสุด รองลงมาเป็นอสังหาริมทรัพย์-ภัตตาคาร-ร้านอาหาร

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนส.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,007 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 7,038.02 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

สำหรับประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 172 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 85 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 49 ราย คิดเป็น 2%

นอกจากนี้หากแบ่งตามช่วงทุนพบว่า ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,416 ราย คิดเป็น 70.55% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 504 ราย คิดเป็น 25.11% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 78 ราย คิดเป็น 3.89% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 9 ราย คิดเป็น 0.45%

ขณะที่ธุรกิจดำเนินกิจการทั่วประเทศ ณ 31 ส.ค. อยู่ที่ 888,090 ราย มูลค่าทุน 21.51 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 202,589 ราย คิดเป็น 22.81% บริษัทจำกัด จำนวน 684,080 ราย คิดเป็น 77.03% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,421 ราย คิดเป็น 0.16%

อย่างไรก็ตาม หากแบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 518,247 ราย คิดเป็น 58.36 % รวมมูลค่าทุน 0.46 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.11% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 273,553 ราย คิดเป็น 30.80% รวมมูลค่าทุน 0.94 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.36%

ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 78,488 ราย คิดเป็น 8.84% รวมมูลค่าทุน 2.15 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9.99% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17,802 ราย คิดเป็น 2.00% รวมมูลค่าทุน 17.98 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.54%

สำหรับการจดทะเบียนธุรกิจธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศเดือนส.ค. ที่ผ่านมามีจำนวน 7,424 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 24,905.75 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 584 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 482 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 360 ราย คิดเป็น 5%

ทั้งนี้หากแบ่งตามช่วงทุนพบว่า ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,789 ราย คิดเป็น 64.51% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 2,508 ราย คิดเป็น 33.78% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 107 ราย คิดเป็น 1.44% และช่วงทุนมาก กว่า 100 ล้านบาท จำนวน 20 ราย คิดเป็น 0.27%

ส่วนการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 58 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 23 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 35 รายโดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น  6,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% หากเทียบกับเดือนก.ค. ที่ผ่านมา

ขณะที่เงินลงทุนลดลง 32% หรือประมาณ 3,183 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 15 ราย เงินลงทุน 2,088 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 1,070 ล้านบาท และ ฮ่องกง จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 2,026 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.)  คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 435 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 65,790 ล้านบาท

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img