วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกHighlight“สินค้า”จ่อขยับราคาต่อช่วง 3 เดือนข้างหน้าอ้าง“น้ำมันแพง”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สินค้า”จ่อขยับราคาต่อช่วง 3 เดือนข้างหน้าอ้าง“น้ำมันแพง”

โพลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกเม.ย.ปรับตัวขึ้นรับอานิสงส์วันหยุดยาว-เปิดประเทศ เล็งปรับราคาสินค้าเพิ่มในอีก 3 เดือนข้างหน้าหลังต้องเผชิญกับสงครามดันราคาน้ำมันแพงกระทบต้นทุนการผลิตพุ่งจี้รัฐคลอดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายประชาชน

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยผลสำรวจความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index) ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.2565 ในภาพรวมพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก Retail Sentiment Index (RSI) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 56.4 ปรับเพิ่มขึ้น 9.9 จุด เมื่อเทียบกับดัชนีเดือนมีนาคมที่ 46.5 จุด สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องสองช่วงในเดือนเม.ย.รวมถึงการส่งเสริมการขายของร้านค้าต่างๆ และประกอบกับข่าวการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น 10.3 จุด จากระดับ 48.9 จุด ในเดือนมี.ค.มาที่ 58.7 จุด ในเดือนเม.ย. สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของ โอมิครอนซึ่งกำลังเป็นช่วงขาลงและรัฐบาลกำลังจะประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น

นอกจากนี้ยังมีบทสรุปประเด็นสำคัญของ “การประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อภาคการค้า ที่สำรวจระหว่างวันที่ 18-26 เม.ย. 2565” ดังนี้ 1.ประเมินผลกระทบ จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนต่อธุรกิจ 70% บอกว่ามีผลต่อต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่ 17% ระบุมีผลต่อการวางแผนธุรกิจยากขึ้น 12% ยังไม่ได้รับผลกระทบ 1% ขาดวัตถุดิบในการผลิต

2.ประเมินแผนการการปรับราคาสินค้าในสามเดือนข้างหน้า 52% ตอบว่า เพิ่มขึ้นไม่เกิน 10% สัดส่วน 44% เพิ่มขึ้นระหว่าง 11- 20% ส่วน 4% บอกว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 20%

3.ประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนต่อราคาสต๊อกสินค้าและสภาพคล่อง 87% จะปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า 57% มีสต๊อกเพียงพอแค่ 3 เดือน 47% มีสภาพคล่องเพียงพอมากกว่า 12 เดือน

ส่วน 3 ข้อเสนอต่อภาครัฐ ประกอบด้วย 1.คงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐไว้อย่างต่อเนื่อง ภาครัฐควรพิจารณากระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ (Local Consumption) สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจผ่านหลากหลายโครงการของรัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการช้อปดีมีคืน และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

2.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยภาครัฐ ภาครัฐควรมีการอนุมัติการลงทุนและดำเนินการโครงการทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อเร่งสร้าง เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านการจัดจ้างการ ดำเนินงานและสนับสนุนให้ SMEs เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมากขึ้น

3.พยุงราคาพลังงานให้คงที่และได้นานที่สุด ภาครัฐควรพิจารณาใช้ทุกมาตรการในการช่วยแบ่งเบา ภาระประชาชนผ่านการพยุงราคาพลังงาน เพื่อให้ ค่าครองชีพไม่ปรับตัวแบบก้าวกระโดด อาทิ การใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และการออกมาตรการควบคุมราคาค่าขนส่ง

“ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของ ภาครัฐในการใส่เกียร์เดินหน้าเต็มกำลังในการผลักดัน เศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยการกระตุ้นการบริโภคผ่านนโยบายของภาครัฐถือเป็นหัวใจสำคัญในการเดินหน้าประเทศไทยซึ่งภาครัฐ ได้ดำเนินการมาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว และควร ผลักดันให้มีมาตรการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อเศรษฐกิจของประเทศไทยจะได้เติบโตอย่างยั่งยืน”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img